Wednesday, November 25, 2015

รวม 5 เว็บเพื่อขาย eBook ในต่างแดน (ชีวิตมีทางเลือกอีกเยอะะ!!)

หลินว่าใครที่ติดตามเพจหรือ blog นี้มาตลอดก็คงรู้จักกับ Amazon เป็นอย่างดีนะคะ ว่าเป็นตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในความเป็นจริงแล้วเนี่ย ยังมีอีกหลายเว็บไซต์เลยนะ ที่ให้นักเขียนอิสระอย่างเราอัพโหลด eBook ไปขายฟรีๆ หรือถ้าไม่ฟรีก็มีการเก็บคำดำเนินการนิดหน่อยค่ะ

ถึงแม้ว่าตัวหลินเองทุกวันนี้จะขายหนังสือเมืองนอกแค่ในตลาด  Amazon และยังไม่เคยมีประสบการณ์ไปขายที่อื่่นเหมือนกัน แต่หลินก็คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่ได้รู้จักเว็บไซต์อื่นๆ ที่เราสามารถฝากขาย eBook ของเราได้ เป็นการสร้างทางเลือกและช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นของเรา

ก่อนจะหาข้อมูลเรื่องนี้มาเขียน ตัวหลินเองก็อยากขยับขยาย อยากหาโอกาสใหม่ๆ ทางเลือกใหม่ๆ เหมือนกันค่ะ พอหาข้อมูลได้จึงคิดว่าเอาข้อมูลนี้มาแบ่งปันกันใน blog และเพจสร้างทางเลือกให้กับคนอื่่นดีกว่า ซึ่งการที่เราเอาหนังสือไปขายในหลายๆตลาดก็เหมือนที่คุณวอเรน บัฟเฟต์ (ตอนแรกๆ อ่านว่าบุฟเฟ่ต์ทุกทีเลย  - -') บอกว่าอย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว ควรจะเก็บไว้ที่เล้าด้วย เอ้ย..ไม่ใช่ ควรจะกระจายความเสี่ยงด้วยค่ะ^^

ติดตามรวม 5 เว็บไซต์เพื่อขาย eBook ในต่างแดน สำหรับนักเขียนอิสระอย่างเรากันนะคะ^^ (สนใจรายละเอียดเว็บ คลิกที่ชื่อในแต่ละข้อนะคะ หลินทำลิงค์ไว้ให้แล้วค่ะ)


1. Lulu

เว็บ Lulu เป็นอีกเว็บที่ดังมากในอเมริกาค่ะ คิดว่าหลายคนคงเคยเห็นกันบ้างแล้ว นอกจากดังแล้ว เว็บนี้ยังจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นักเขียนสูงถึง 90% ค่ะ เราตั้งราคาหนังสือเองได้ด้วยและไม่มีค่าธรรมเนียมในการสมัครค่ะ


2. Smashwords

เว็บ Smashwords มีจุดเด่นคือเวลาเราขาย eBook ที่นี่เราจะได้หมายเลข ISBN ฟรีและมีรูปแบบ eBook ให้ใช้ถึง 9 แบบ ขายที่นี่ที่เดียวยังสามารถเชื่อมต่อกับ Apple iBookstore และสำนักพิมพ์หนังสือแบบออนไลน์ดังๆ  อีกหลายแห่งค่ะ ค่าธรรมเนียมในการสมัครไม่มี แต่คิดค่าดำเนินการโดยหักให้นักเขียนเท่ากับ 60-85% ค่ะ



3. PaySpree

เว็บ PaySpree  เว็บนี้มีคนใช้เยอะมากเหมือนกันค่ะ ลูกเล่นเค้าคือขายผลิตภัณฑ์แรกได้ฟรี แต่ผลิตภัณฑ์ที่ 2 เป็นต้นไปต้องเสียเงินเป็นแพกเกจ (29 USD)  เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเขียน เพิ่งเริ่มขาย ขายอันแรกไม่ต้องเสียเงินขายต่อไปค่อยเสียค่ะ  เว็บไม่เสียค่าลงทะเบียนในการสมัคร และจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 90-100%


4. eBookIt!
เว็บ eBookIt! ก็ตามชื่อเลยนะคะ เน้น eBook เป็นหลัก จุดเด่นคือสามารถช่วยให้นักเขียนแปลงต้นฉบับเป็นหนังสือ eBook อย่างมืออาชีพได้ โดยนักเขียนเป็นคนจ่ายค่าดำเนินการซึ่งหักค่าลิขสิทธิ์ที่นักเขียนจะได้อยู่แล้ว สรุปว่านักเขียนไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนค่ะ^^

ค่าธรรมเนียมลงทะเบียน 149 USD ค่าลิขสิทธิ์จ่ายที่ 50-80%



5. E-Junkie

เว็บ E-Junkie เค้ามีลูกเด่นตรงที่เราสามารถขาย eBook ในรูปแบบ PDF ได้เลยค่ะ ซึ่งหมายถึงว่ามันง่ายมากสำหรับทุกคน นอกจากนี้เค้าออกแบบให้มีการแสตมป์ชื่อผู้ขาย อีเมล์ และรายละเอียดอื่นๆ ในหนังสือทุกเล่มแบบแก้ไม่ได้ เพื่อป้องกันการเอาไปก๊อปปี้แบบละเมิดลิขสิทธิ์ค่ะ (ฝรั่งเค้าซีเรียสดีจริงๆ หลินชอบมากค่ะ)

เว็บนี้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นักเขียน 100%  นักเขียนเสียค่าสมัครอยู่ที่ 5 USD/เดือน ค่ะ


ถ้าใครลองแล้วเว็บไหนดีหรือไม่ดียังไงมั่ง แบ่งปันประสบการณ์กันบ้างนะคะ^^ ส่วนใครทีสนใจอยากเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon หลินมีคอร์สสอนวิธีเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบละเอียดยิบๆ ทุกขั้นตอน ดังรายละเอียดด้านล่างค่ะ^^ มีโอกาสมาเจอกันนะคะ วันเสาร์นี้แล้วค่ะ^^

ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ https://www.facebook.com/ebookmakerich ค่ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------

คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!
มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ

ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ คิดว่าคอร์สนี้จะเป็นคอร์ส Amazon ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ^^ ปีหน้าหลินคงจะปรับเปลี่ยนคอร์สใหม่ เอาหลักสูตรอื่นๆ มาแทน ถ้าว่างมาเจอกันนะคะ^^




วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง

รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ

-------------------------------------------------------------------
สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle
วางขายแล้ววววนะคะที่ ookbeeและ Meb Market!!

ราคาปก 390 บาท ซื้อผ่าน AIS ที่ookbee เหลือ 349 บาท เนื้อหาบอกทุกสเต็ป ทุกขั้นตอนในการเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบไม่มีกั๊ก! อ่านจบแล้วขายหนังสือไม่ได้ เพราะมีอย่างเดียวคือคุณไม่เริ่มเขียนเท่านั้น!

ดูหนังสือตัวอย่างคลิก http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html  เลยค่ะ^^




Monday, November 23, 2015

จะสร้างเงินจากงานเขียนเค้าว่าไม่ยาก?? แล้วก้าวแรกต้องทำยังไงดี??

หลินว่าหลายคนที่ติดตามเพจนี้แล้วก็เพจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนักเขียน งานเขียน ต้องเคยอ่านเจอ ประโยคที่ว่า "เขียนหนังสือก็เป็นอาชีพได้ เป็นงาน สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้" อยากจะมีชีวิตดี๊ดีแบบนั้นมั่งจัง?

แต่ปัญหาคือแล้วจะเริ่มยังไงดีล่ะ? ถ้าวันนี้เรายังไม่เคยเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเรื่องเป็นราวซักอย่าง เขียนแล้วใครจะอ่าน? ยิ่งกว่านั้นจะสร้างรายได้ยังไง นึกไม่ออก??

ลองติดตามก้าวแรกของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทดลองเอาไปใช้เพื่อพัฒนาให้งานเขียนให้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวนะคะ^^

ติดตามเลยค่ะ



1. ได้เวลาพัฒนางานเขียนแล้ว โดยเริ่มต้นจากสื่อฟรี

หลินว่ายุคนี้เป็นยุคที่พวกเราโชคดีกว่ายุคก่อนเยอะเลยนะคะ ตรงที่มีสื่อฟรีๆ อยู่ในมือ สมัยก่อนน่ะเหรอคนธรรมดาอย่างเราๆจะไปหาที่ลงบทความที่ไหนได้ ถ้าไม่เป็นที่รู้จัก ไม่เป็นคนดัง ไม่มีเส้นสาย โอกาสจะได้ลงชิ้นงานในสื่อ ยากยิ่งกว่าอะไรซะอีก
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ เรามีทางเลือกเพิ่มขึ้นเยอะขึ้นด้วยสื่อฟรีๆ ใน social media

หลินแนะนำว่าให้พัฒนางานเขียนตัวเองโดยทดลองเขียนบน social media ที่เราคุ้นเคยก่อน เป็นอะไรก็ได้ค่ะที่เราชอบจะเป็น facebook, blog, webboard เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบ ถนัด ตัวเองสนใจ
ลองคิดดูว่า ต่อไปถ้าเราจะเขียนเรื่องแบบนี้ขาย คนอ่านจะชอบไหม ถ้าเขียนให้อ่านฟรีๆแล้วคนอ่านยังไม่ชอบ ถึงเวลาขายจริงใครจะซื้อ! ถูกไหมคะ?

วิธีนี้ช่วยให้เราสามารถฝึกฝีมือและสไตล์งานเขียนของเรา พร้อมรับรู้ฟีดแบกจากผู้อ่านด้วยค่ะ ว่าชอบหรือไม่ชอบ มีความคิดเห็นยังไง  ซึ่งทำให้เรามีโอกาสปรับตัว ปรับฝีมือ ปรับปรุงสไตล์ หรือทดลองตลาดได้ด้วยนะคะ



2. หา connection ให้มาก

เราคงต้องยอมรับว่าสังคมสมัยนี้จะทำอะไรสักอย่าง หากว่ามี connection ทำให้งานง่ายกว่าไม่มีเยอะนะคะ ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่ฟังแล้วขัดหูหน่อยๆ แต่เราเองก็ต้องยอมรับความจริงในข้อนี้ไปโดยปริยาย

การหา connection ของนักเขียนก็ไม่ต่างอะไรกับอาชีพอื่่นๆ หลักใหญ่ๆคือ  join group กลุ่มนักเขียนด้วยกันสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นไว้ ออกงานสัมมนาทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เป็น guest speaker ฯลฯ สั้นๆ คืออย่าทำงานคนเดียว สร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมอาชีพไว้ อย่ามองว่าเป็นคู่แข่ง ให้มองว่าเป็น partner กันจะดีกว่า

หลายคนคิดว่าไปงานสัมมนาจะได้ connection  ได้ยังไง? เปลืองเงินแย่เลย
แต่เชื่อไหมคะ ? ว่ามีคนเยอะนะคะ ยอมจ่ายเงินค่าคอร์สสัมมนาราคาแพงเพื่อไปสร้าง connection  เป็นหลัก เนื้อหาสัมมนาเป็นรอง ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดหรอก ไปเพื่อไปหา connection โดยเฉพาะ และผลที่ได้ก็ work ซะด้วยสิ!

แต่ยังไงก็ตาม ทุกคนมีสไตล์ไม่เหมือนกันนะคะ เราหาวิธีการที่เราทำแล้วชอบ สบายใจ สบายกระเป๋าแล้วปรับใช้เอา เพราะรองเท้าของคนอื่นอาจคับไปหรือหลวมไปสำหรับเราก็ได้นะ



3.ยอมรับว่ากว่าสำเร็จต้องใช้เวลา

คงไม่มีอะไรสำเร็จแค่ช่วงข้ามคืน เราเขียนปุ๊ปจะให้สำเร็จปั๊บคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คงยากที่จะบอกว่าคุณจะสำเร็จเมื่อไหร่ หมอดูคนไหนก็คงบอกไม่ได้ นอกจากตัวเราเองนะคะ!

วิธีแนะนำจากหลินคือ ฟังเสียงลูกค้า ปรับแก้ไข วางแผนใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แล้ววนเข้าสู่วงโคจรแบบนี้ไปเรื่อย สำคัญคืออดทน ห้ามออกจากเกมส์ ห้ามเลิก ถ้าไม่ work คงเป้าหมายไว้แต่ให้เปลี่ยนวิธีการแทน เพราะถ้าออกปั๊บที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับศูนย์เปล่า

ถ้าเราคิดว่าไม่อดทนพอ ไม่มีเวลา ไม่อยากลำบาก อยู่เฉยๆ สบายกว่าเยอะค่ะ คอนเฟริ์ม!!


4. รวบรวมงานเขียนทำเป็น portfolio

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่งานเขียนเราเป็นที่ยอมรับในตลาดนั้นๆ แล้ว รวบรวมเป็น portfolio แล้วเล็งไปเสนอผลงานกับสำนักพิมพ์ที่คุณสนใจค่ะ (มากกว่า 1 ก็ได้) มั่นใจว่่าสำนักพิมพ์จะให้การต้อนรับนักเขียนที่มีฐานแฟนคลับมากกว่านักเขียนที่ยืนยันว่าฉันเขียนดี เขียนดีแน่ๆ แต่มาแต่ตัวเปล่าๆ เล่าเปลือยชัวร์ค่ะ

หรือยิ่งกว่า ถ้าเราคิดว่าของเราดีจริงอย่าได้แคร์สำนักพิมพ์ เราก็สามารถทำ self-publishing คือทำ eBook ขายเองก็ได้ รับผลประโยชน์เองที่ไม่ต้องผ่านใคร ขายในไทยก็ Ookbee และ Mebmarket ขายเมืองนอกก็คือ Amazon ตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ

ลองดูนะคะ ใครๆ ทำได้ หลินทำได้ คุณก็ทำได้เหมือนกันนน

หลิน^^

ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ https://www.facebook.com/ebookmakerich ค่ะ

---------------------------------------------------------------



คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!

มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ

ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ คิดว่าคอร์สนี้จะเป็นคอร์ส Amazon ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ^^ ปีหน้าหลินคงจะปรับเปลี่ยนคอร์สใหม่ เอาหลักสูตรอื่นๆ มาแทน ถ้าว่างมาเจอกันนะคะ^^




วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง

รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ

-------------------------------------------------------------------

สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle
วางขายแล้ววววนะคะที่ ookbeeและ Meb Market!!

ราคาปก 390 บาท ซื้อผ่าน AIS ที่ookbee เหลือ 349 บาท เนื้อหาบอกทุกสเต็ป ทุกขั้นตอนในการเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบไม่มีกั๊ก! อ่านจบแล้วขายหนังสือไม่ได้ เพราะมีอย่างเดียวคือคุณไม่เริ่มเขียนเท่านั้น!

ดูหนังสือตัวอย่างคลิก http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html  เลยค่ะ^^








Wednesday, November 11, 2015

จะเขียนหนังสือขายบน Amazon หรือจะขายเองดีนะ??

หลินว่าพวกเราหลายๆ คนพอมีผลงานหนังสือออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องวางขายถูกไหมคะ? พอมาถึงจุดๆ นี้เนี่ย หลายคนอาจลังเลใจว่า เอ..เราจะขายเองผ่านเว็บไซด์ facebook, fanpage ของเราเอง เพื่อที่เราจะได้เงินค่าหนังสือแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือว่าจะวางขายผ่านร้านหนังสือออนไลน์เจ้าตลาดอย่าง Amazon (หรือเมืองไทยก็อย่าง Ookbee, Mebmarket) ที่เค้าดังกว่าเรา คนเข้าถึงเยอะ โดยยอมแลกกับการให้เค้าหักกินหัวคิวดีนะ??

วันนี้ลองมาวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ของการขายหนังสือผ่านช่องทางของตัวเองเทียบกับช่องทางของผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon กันค่ะ^^  อ่านๆ ดูแล้วก็ปรับเอามาใช้ได้ในหลายๆ กรณีนะคะ ติดตามได้เลยค่ะ



ภาพจาก http://mmbiz.qpic.cn/



ข้อดีของการขาย eBook ผ่าน Amazon

1. ระบบเค้าดีอยู่แล้ว เราไม่ต้องทำอะไรมาก
แค่โหลดหนังสือขึ้นไป เค้ามีระบบขาย จัดอันดับ ระบบจ่ายเงิน เก็บเงิน โอนเงินให้เราเสร็จสรรพ เราไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไรมาก แหม่...ดีแท้ๆ นะคะ^^

2. ขายเป็น eBook ก็ได้ ไม่ต้องลงทุนค่าจัดพิมพ์
ถ้าจะขายเป็นหนังสือเล่มก็มีระบบอำนวยความสะดวกสั่งให้พิมพ์เป็นหนังสือเล่มได้ จัดส่งให้เราเสร็จ (หักค่าใช้จ่ายจากยอดขาย) เรานั่งอยู่บ้านเฉยๆ นะจ๊ะ อิ อิ

3. คนใช้เว็บ Amazon เยอะมากๆ
เป็นล้านคนทั่วโลก เป็นที่แพร่หลายรู้จัก  มีความเป็นไปได้มากว่าถ้าเราไม่ขายผ่าน Amazon ถึงแม้หนังสือเราจะดีแค่ไหน คนซื้อก็อาจไม่เจอหนังสือเราเพราะว่าหาเว็บไซด์ หรือ fanpage facebook เราไม่เจอ ><'

มีข้อดีแล้วมาดูข้อเสียกันบ้างค่ะ เพราะเหรียญมี 2 ด้านนะจ๊ะ


ข้อเสียของการขาย eBook ผ่าน Amazon

1. การแข่งขันสูง
แน่นอนที่สุดว่าคนซื้อเยอะ คนขายก็เยอะเป็นธรรมดา มีคนขายหนังสือเป็นล้านเล่ม พอๆ กับคนซื้อเป็นล้านๆ คน ดังนั้น หนังสือที่ขายนั้นหากว่าเราคิดเนื้อหาเอง ก็ควรเป็นเนื้อหาที่เรามีความเชี่่ยวชาญ หรือประเทศอื่่นไม่มีเนื้อหาแบบนี้ (ประมาณว่าประเทศนั้นเป็นต้นกำเนิดของข้อมูลมือหนึ่ง เช่น ประเทศไทยก็ต้องอาหารไทย มวยไทย นวดไทย ทำนองนี้) ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดให้เรา ถ้าจับจุดเจอ เราก็จะขายได้ค่ะ^^

2. ราคาหนังสือที่ตั้งขายกันไม่ได้แพงเท่าไหร่
จากค่าเฉลี่ยของ Amazon หนังสือที่ขายดีที่สุดตั้งราคาอยู่ที่ 2.99$ แพงกว่านี้หรือถูกกว่านี้ก็มี แต่ไม่ได้ยอดขายดีเท่าค่ะ ดังนั้นจะเห็นว่าราคาที่เหมาะสมจะตั้งไว้ไม่แพงมาก หนังสือบางเล่มขายแค่ 0.99$ เอง จะเรียกว่า Amazon ขายเอาปริมาณก็ว่าได้ค่ะ

เมื่อเรารู้ข้อดี ข้อเสียของการขายผ่านเจ้าตลาดแล้ว ลองมาดูว่าถ้าเราขายเองผ่านช่องทางตัวเอง จะดียังไงนะ?



ข้อดีของการขายผ่านช่องทางตัวเอง

1. ชัดๆ เลยได้กำไรต่อเล่มมากกว่าค่ะ
เพราะไม่ต้องหักค่าดำเนินการให้ใคร (หากขายผ่าน Amazon เราต้องจ่ายให้  Amazon อยู่ที่ 35% หรือ 70% ของราคาขายต่อเล่ม ขึ้นกับเงื่อนไขของหนังสือ) และยังสามารถตั้งราคาได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหนังสือใน Amazon ด้วยนะ  เพราะว่าหนังสือบางเล่มถือว่าเป็นคุณค่าเฉพาะทาง หาที่ไหนไม่ได้ บางเล่มคนอ่านเอาไปสร้างอาชีพได้ ก็สามารถคิดราคาแพงๆ ได้เลย โดยไม่ต้องมีสงครามราคาของ Amazon มาค้ำไว้

2. ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหนังสือของเราผ่านทางช่องทางของเรา คือ "ลูกค้าของเรา" ไม่ใช่ "ลูกค้าของ Amazon"
ความหมายก็คือคนที่เข้ามาในเว็ปของเราหรือ fanpage ของเรา คือคนที่สนใจสินค้า หรือ know-how ของเราจริงๆ เข้ามาเพราะรู้จักเรา ต้องการความรู้หรือคำแนะนำจากเรา ไม่ใช่เพราะท่อง Amazon  แล้วมาจ๊ะเอ๋กับหนังสือของเราค่ะ 

ดังนั้น contact ลูกค้าของเราเนี่ยต่อไป เราเอาไปต่อยอดได้ เช่น ส่งข่าวว่าเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้าง brand loyalty ฯลฯ ในขณะที่ Amazon ทำแบบนี้ไม่ได้เลยนะ เพราะแทบไม่เกิดการติดต่อสื่อสารอะไรกันเลย ส่วนใหญ่ผ่านตัวกลาง Amazon ทั้งหมด

ที่สำคัญอีกอย่างที่หลินคิดก็คือ เราได้รู้จากปากลูกค้าเราแท้ๆ เราควรจะต้องปรับปรุงตรงไหน อยากได้อะไร เป็นการตอบสนองความต้องการได้ตรงเป้าเป๊ะๆ โดยไม่ต้องผ่านใคร หรือเดาไปมั่วๆ หรือไปผิดทางเลยค่ะ^^


ข้อเสียของการขายผ่านช่องทางตัวเอง 

1. เราต้องทำระบบหลังบ้านเองทั้งหมด ถึงแม้ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง แต่เราก็ต้องมาจ้างคนทำอยู่ดี เช่น ระบบจ่ายเงิน โอนเงิน เช็คยอด ส่งไฟล์หนังสือ หรือส่งปณ. ฯลฯ

2. ถ้าฐานลูกค้าเราน้อย คนรู้จักเราน้อย เราจะพลอยมีโอกาสน้อยไปด้วยที่จะขายหนังสือได้ พูดกันง่ายๆ คือ ไม่มีคนรู้จักเรา ซึ่งทั้งหมดอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับคุณภาพหนังสือที่เราเขียนด้วยนะคะ


เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียให้เห็นกันจะๆ แบบนี้ หลินว่าพวกเราหมู่นักเขียนคงได้ไอเดียในการขายหนังสือกันไม่มากก็น้อย

สู้ๆๆ กันค่ะ

หลิน^^


#########################


คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!

มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ

ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ 
http://goo.gl/MQklJQ



วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง

รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ
http://goo.gl/MQklJQ