Monday, December 14, 2015

5 วิธีการสร้าง Blog ให้เติบโต

5 วิธีการสร้าง Blog ให้เติบโต 

ถ้าจำกันได้หลินได้เคยเขียน 4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา ไปเมื่อโพสก่อนนะคะ (ติดตามอ่านคลิก  http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/4-blog.html ) คราวนี้สมมติว่าเราเปิด Blog เพื่อชิมลางตลาดแนวหนังสือที่เราสนใจแล้ว เราจะทำยังไงให้ Blogของเราเติบโตดีๆ มีคนเข้ามาอ่านเยอะๆ ล่ะ??

สำหรับตัวหลินเองมี Blog หลักๆ อยู่ 2 Blog ค่ะ คือ Blog นี้ (ยอดวิว 24,000+) กับ Blog เรียนจีน ให้ได้จีน http://chinesexpert.blogspot.com/ (ยอดวิวที่ประมาณ 380,000+)

คำถามคือว่าการที่มียอดวิวเยอะๆ ใน Blog หรือเทียบได้กับยอดไลค์เยอะๆ ในเฟสดียังไงนะ??

มีข้อดีเยอะเลยค่ะ แต่ข้อที่สำคัญมากๆ กับอาชีพนักเขียนคือ ถ้าเรามียอดวิว ยอดไลค์ ยอดแชร์เยอะๆ แปลว่าเรามีฐานแฟนคลับของเราเอง แฟนคลับกลุ่มนี้พูดง่ายๆ ก็คือลูกค้าของเรา เป็นกลุ่มที่จะฟีดแบกหรือคอมเม้นท์ว่างานเขียน หรือโพสของเราดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ อ่านหรือไม่อ่าน และถ้าในอนาคตเรามีหนังสือใหม่ๆ ออกมา เค้าจะสนับสนุน จะชอบ และสุดท้ายจะซื้อด้วยหรือเปล่า??




ดังนั้น การเขียน Blog จริงๆ แล้วไม่ยากนะคะ  Blogspot เปิดแป๊ปเดียวก็ได้แล้ว สำคัญคือทำยังไงให้เนื้อหาโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ให้เค้าติดตามอยากอ่าน และสุดท้ายนำมาสู่การซื้อหนังสือหรือผลิตภัณฑ์ของเราในอนาคตค่ะ^^

และเมื่อ Blog เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่สำคัญอย่างนี้เองงงงง (ต้องทำเสียงลากๆ แบบทีวีแชมเปี้ยนจะได้อารมณ์มากขึ้นค่ะ อิ อิ) วันนี้หลินเลยมีแนวทางการเขียน Blog ที่จะทำให้ Blog เติบโตมาฝากกัน

ติดตามนะคะ^^


1. เขียนให้ดี 

เขียนให้ดี?? พูดง่ายแต่ทำยากเหมือนกันนะ เขียนยังไงคือเขียนให้ดี เราก็ว่าเราเขียนดีแล้วนะ ทำไมไม่โดน?

ถ้ายังติดขัดกับปัญหาข้างบน ลองเทคนิคที่หลินใช้ดูค่ะ

  • เขียนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย อย่าใช้ศัพท์แสงที่วิชาการจ๋า (ถึงแม้ว่าจะมี) ซะจนผู้อ่านของเราไม่รู้เรื่อง 
  • เรื่องที่เราเขียนต้องมีคุณค่า มีประโยชน์และผู้อ่านชอบค่ะ  จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ แนว How to เสริมสร้างความรู้ หรือแม้แต่ให้ความบันเทิงได้หมด 
วิธีการคือฝึกเขียนเยอะๆ  ดูฟีดแบกของผู้อ่านสม่ำเสมอแล้วเอามาปรับปรุงเรื่อยๆ
เมื่อเราเขียนดีมีประโยชน์ คนอ่านจะช่วยแชร์เองค่ะ ก็เพราะว่ามันมีประโยชน์ไง เค้าถึงอยากแชร์ให้เพื่อน ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง อย่างน้อยตัวคนแชร์เองก็สามารถกลับมาอ่านได้อีกรอบก่อนที่จะถูก newsfeed อื่นกลบหายไปหมด



2. สร้างทักษะที่จำเป็นต่องานเขียน

งานเขียน Blog แรกๆ เลยส่วนมากแล้วจะเริ่มจากคนๆ เดียวค่ะ ซึ่งก็ต้องทำทุกอย่างซึ่งไม่ใช่แค่เขียนอย่างเดียว หารูปประกอบด้วย หา reference ที่มาของบทความด้วย ฯลฯ

ซึ่งเดี๋ยวนี้สื่อออนไลน์ social media ถือว่ามีความสำคัญในการช่วยเผยแพร่ผลงานของเราให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้น ทักษะที่ Blogger ควรจะมีอย่างน้อยๆ ก็ต้องมี คือรู้ platform การเขียน Blog รู้วิธีการอัพโพส รู้เทคนิคการเลือกและแต่งรูปอย่างง่ายๆ เอาเป็นว่าความรู้เบื้องต้นพื้นฐานเราควรจะมีบ้าง

ถ้าเก่งขึ้นมาอีกขั้น ควรรู้จักการใช้ SEO เพื่อสร้างช่องทางให้คนเห็น Blog ของเราเยอะๆ  จากนั้นก็พัฒนาไปเป็น  HTML และ  CSS code ซึ่งจะช่วยให้เราแก่ไขปรับแต่ง Blog ของเราให้ดูดี สวยงามขึ้น มืออาชีพขึ้น

แต่นั่นควรสิ่งที่ทำหลังจากที่เนื้อหาที่เป็นเรื่องหลักของเราแน่นแล้ว ดีแล้ว จึงค่อยมาคิดถึงเรื่องแต่งหน้าทาปากให้ Blog นะคะ อีกอย่างความรู้ทางเทคนิคพวกนี้ เราสามารถจ้าง freelance ทำได้ค่ะ ถ้าเราไม่มีเวลาทำเอง หรือยากเกิน แต่หลินแนะนำว่าความรู้เบื้องต้นเราต้องมีไว้ เพราะต่อให้จ้าง freelance วางระบบให้ ทำ SEO ให้แต่สุดท้ายเราก็ต้องทำเองด้วย จ้างทั้งหมดจะใช้เงินเยอะมากเกินไปค่ะ

สรุป ความสำคัญตามอันดับก่อนหลังในการทำ Blog หลินแนะนำว่าควรเป็นแบบนี้

พัฒนาเนื้อหาให้แน่นและความรู้เบื้องต้นทำ Blog >>  SEO >>> HTML หรือ CSS code



3. รู้ว่าผู้อ่านของเราคือใคร

ไม่ว่าเราจะเขียน Blog ได้ดีมากขนาดไหน เนื้อหาแน่น ข้อมูลเจ๋ง แต่มีผู้อ่านที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็เปรียบเหมือนเราสร้างฮีตเตอร์ เครื่องทำความร้อนคุณภาพดีมากๆ แต่กลับเอามาขายกรุงเทพที่ร้อนตับแลบ (แม้กระทั่งเดือนธันวา) _ _ ' ฮีตเตอร์ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจากเอาไว้รกบริษัทเท่านั้น

ดังนั้น ทุกครั้งที่เขียนบทความอะไรๆ ก็ตาม ลองนึก ลองจินตนาการดูว่าคำถามที่ผู้อ่านจะถามอากู๋ google เกี่ยวกับเรื่องที่เราจะเขียนคืออะไร ก็ให้เราเขียนบทความนั้นเพื่อตอบคำถามที่เรา (คิดว่า) ผู้อ่านจะถามรอก่อนไว้ได้เลย

เช่น เราเชี่ยวชาญเรื่องเลี้ยงปลาทอง เป็นที่รู้กันว่าปลาทองใจเสาะตายง่ายมากๆ  ใครๆ ที่เคยเลี้ยงปลาทองย่อมรู้ดี สุ่ยหลินเลี้ยงตายไปหลายตู้จนเลิกเลี้ยงแล้วค่ะ ดังนั้น หนึ่งในคำถามยอดฮิตเรื่องการเลี้ยงปลาทองคือ สาเหตุอะไรที่ทำให้ปลาทองตายง่ายๆ กินมากก็ตาย (มั๊ง) น้ำไม่สะอาดนิดนึงก็ตาย (มั๊ง)  หลินยังไม่รู้เลยจนถึงวันนี้ แหะๆ แล้วเขียนบทความนั้นไว้คอยท่าใน Blog ของเราเลยค่ะ เพื่อรอให้คุณผู้อ่านที่ search หาจากอากู๋แล้วติดคำตอบที่โดนใจอันนี้ของเราไว้ด้วย เค้าจะได้ตามมาอ่านใน Blog ทำให้ Blog เติบโตขึ้น หรือจะเอาไปโพสในกรุ๊ปที่เลี้้ยงปลาทองแล้วทำลิงค์มาที่ Blog ของเราก็ไม่ผิดกติกาค่ะ

ถ้าเรารู้ถึงความต้องการผู้อ่าน สื่อเรื่องราวให้เข้าใจง่ายๆ โดยใช้คำพื้นๆ สบายๆ จะเป็นใบเบิกทางให้เราได้รับการต้อนรับจากผู้ที่อ่านงานเขียนของเราค่ะ



4. ทำโครงก่อน แลัวค่อยเติมเนื้อลงไป

เขียนบทความ Blog ให้ใช้หลักการเหมือนการสร้างบ้าน เริ่มจากฐานราก - เค้าโครงเรื่อง,  เสา- หัวข้อ, ผนังพื้น-เนื้อหา, ทาสี - เก็บรายละเอียด



อย่าพยายามเขียนเนื้อหาในคราวเดียว เพราะอาจไม่ครอบคลุม ให้เน้นที่เค้าโครงเรื่องก่อน จากนั้นแตกเป็นหัวข้อให้ครอบคลุม ต่อจากนั้นค่อยใส่เนื้อหาลงไป ทำอย่างนี้จะเป็นระบบ เนื้อหาก็จะครอบคลุมไม่วกวน ผู้อ่านก็ชอบ เพราะไม่งงว่าคนเขียนจะเอายังไงกันแน่ ตกลงประเด็นไหนเนีย เขียนปลาทอง เขียนไปเขียนมาเล่าถึงทอดมันซะนี่ ><'


5. ทำด้วยใจรัก เขียนในเรื่องที่ชอบ

อย่าเริ่มการเขียน Blog เพราะหวังสร้างเงินแสนเงินล้าน การเขียน Blog เป็นงานที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การที่เรามีแรงผลักดันแค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราเบื่อและเหนื่อยเร็วมาก สุดท้ายก็จอดทุกรายไป

แน่นอนค่ะ ถ้าหากงานเขียน Blog สามารถสร้างรายได้ก็ดีไม่น้อย แต่การมีแรงผลักดันแค่เรื่องเงินก็ไม่เพียงพอให้สำเร็จตลอดรอดฝั่ง  ให้สร้างแรงผลักดันที่มาจากส่วนอื่นด้วย เช่น มาจากความชอบที่จะเขียน ชอบที่จะแชร์ ให้เป็นความหลงไหลที่สามารถนำมาสร้างเงินได้ ทำอย่างนี้ เราจะทำได้ยั่งยืนจนถึงวันที่เราประสบความสำเร็จได้นะคะ



*************************

หลินกำลังจะมีคอร์ส สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค. (เสาร์นี้แล้ววว)  สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon  รายละเอียดคลิก http://goo.gl/l8Lrgc

ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก http://goo.gl/WOyNzF

ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^




*************************



หนังสือ "สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle" บอกทุกสเต็ปของวิธีการเอาหนังสือที่ตัวเองเขียนและเอาผลงานคนอื่นไปขายอย่างถูกกฏที่ Amazon ตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ^^


ซื้อผ่าน ookbee หรือ mebmarket ทาง app store , AIS และ web ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ
Ookbee-- http://goo.gl/N83yVK
Meb Market-- https://goo.gl/JYAvLE


สนใจทดลองอ่านตัวอย่างหนังสือผ่าน Meb Market คลิ๊กlinkhttps://goo.gl/JYAvLE แล้วกด Get Free Sample (ปุ่มขวาบน) หลินลงไว้ให้ 1/3 ของหนังสือเลยนะคะ อ่านจุใจเลย

หรือใครอยากอ่านบน PC หรือ Notebook จอใหญ่ๆติดต่อมาทาง inbox ได้เลยค่ะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ดีใจจริงๆ ที่หนังสือมีประโยชน์และคนให้ความสนใจอย่างมากกค่าา

หลิน^^

Sunday, December 6, 2015

4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา

4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา 


หลายคนอาจจะมีคำถามว่าเดี๋ยวนี้ information overload ใครๆ ก็เขียน Blog เปิด Facebook Fanpage  มีข้อมูลข่าวสารเยอะแยะเต็มไปหมด แถมยังหน้า Newsfeed อีกจะอ่านก็อ่านยังไม่ทัน  ดังนั้น เขียน Blog ไปจะได้อะไรบ้างเนี่ย สงสัยจะเสียเวลาเปล่า? 

ความเห็นส่วนตัวของหลินแล้ว หลินแนะนำอย่างยิ่งเลยนะคะ สำหรับคนที่อยากจะเป็นนักเขียน (ว่าที่) นักเขียน หรือสนใจอาชีพนักเขียน ว่าเราควรจะฝึกหัดงานเขียนของเรา พูดง่ายๆ หาเวทีให้งานเขียนของเรา เพราะถ้าเราเขียนไปโดยที่ไม่มีคนได้อ่าน งานมโนอาจมาว่าที่เขียนเนี่ย ดีแล้ว เจ๋งแล้ว ไม่ถามไถ่ (ว่าที่) ลูกค้าในอนาคตเลย แล้วเวลาเราออกหนังสือจริงๆ ใครจะซื้อหนังสือเราล่ะคะ?

นอกจากนี้เนี่ย การเขียน  Blog  หรือใน Facebook Fanpage  มีข้อดีตรงที่ เราสามารถหาสไตล์งานเขียนของเราที่คนอ่านชอบ โดยดูจาก feedback คนอ่านจาก Blog หรือ Fanpage ได้ ไม่ว่าจะเป็นยอด Like ยอด Engagement (คือการที่ผู้อ่านมามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา) ไม่ใช่เขียนปุ๊ป เงียบฉี่ วังเวงใจเสียเหลือเกิน และสุดท้ายคือยอด Share สมัยนี้ถ้าคนอ่านชอบเค้าจะ Share ต่อเองค่ะ เป็นการแนะนำเราให้กับเพื่อนๆ ของเค้าด้วยนะคะ^^

แต่หลายคนอาจมองว่าการเขียน Blog ใช้เวลามาก มีความรู้สึกว่าท้อเพราะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันชัดเจน  สรุปแล้วเราจะทำฟรีๆ หรือเปล่าล่ะเนี่ย อยากจะเลิกเสียเหลือเกิน TT

วันนี้หลินเลยมาจะมาแนะนำวิธีสร้างเงินจากงานเขียน Blog ของเรากันค่ะ ให้สิ่งที่เราทำไม่เสียเปล่า ติดตามกันเลยนะคะ^^





1. eBooks

รายได้ที่ง่ายที่สุดจากการเขียน Blog ก็คือรวบรวมงานเขียนของเราเป็น eBook โดยการเอาประโยชน์จาก feedback จากคนอ่านมาปรับปรุงงานเขียน เพิ่มเนื้อหาให้ทันสมัยและน่าสนใจ ส่วนไหนไม่ครบถ้วน ยังขาดๆ เกินๆ ก็เอามาปรับปรุง แล้วทำออกมาวางขายเป็น eBook  

สิ่งที่ไม่ควรละเลยและสำคัญมากๆ ก็คือการเข้าถึงลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้อ่านของเรา ซึ่งเราเองก็สร้างมาแล้วส่วนนึงตอนเพียรเขียน  Blog  นั่นไงคะ เห็นไหมไม่เสียหลายเลยนะ ใครที่มีผู้ติดตามหรือแฟนคลับเยอะก็จะได้เปรียบตรงนี้  ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ  ใช้ช่องทาง social media และ online marketing เข้ามาช่วยค่ะ




2. Online Courses

หากเราเริ่มเป็นที่รู้จัก บางครั้งก็จะมีผู้ให้บริการ คอร์สออนไลน์มาติดต่อให้ทำคอร์สไปลงกับเค้าเช่น
skilllane หรือ ตลาดปัญญา

แต่หากเค้าไม่ติดต่อมา เราก็ติดต่อไปสิคะ เพราะเค้าก็ต้องการคอร์สเยอะๆ ในเว็บของเค้า เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้หลากหลายขึ้น  มีทั้งอัดเองส่งให้เค้าอัพขึ้นเว็บแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน หรือเราก็จัดคอร์สสอนสดแล้วนัดให้เค้ามาอัดก็ได้ค่ะ ได้ต่อที่ 2 ล่ะ^^




3. Seminars


การเขียน Blog เนี่ย พอเราเขียนไปสักพักแล้ว มีคนติดตามสนใจในเรื่องที่เรารู้ เราเชี่ยวชาญ เรายังสามารถจัดสัมมนา หรือคอร์สสอนสดได้ด้วยนะคะ เพราะมันดีต่อผู้เรียนตรงที่ถามตอบได้ทันที และบางเรื่องก็เป็นข้อจำกัดของ Blog หรือความยาวของบทความ ที่เราไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ทั้งหมดได้

แม้กระทั่งหลินเอง บางครั้งก็ไม่เขียนโพสยาวมาก เพราะก็ไม่รู้ว่ามีคนสนใจเรื่องที่เรากำลังโพสหรือเปล่า หลินดูเอาว่าหากมีคนสนใจเราก็ค่อยเพิ่มเติมเนื้อหาในตอนต่อไป เป็นตอน 2 ตอน 3 ก็ว่าไป



การสัมมนาจึงเป็นการได้มาคุยแบบเจอหน้ากัน มีอะไรก็ถามตอบได้ทันที และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราได้มาเจอกับกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกัน เป็นการสร้าง connection สำหรับทำธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันในอนาคตด้วยค่ะ^^ 


4. Affiliate Marketing

เมื่อจำนวนคนอ่าน Blog ของเรามีเยอะทำ affiliate ผ่าน  Blog ของเราสิคะ การติด affiliate รับค่าคอมมิสชั่นจากการขายสินค้าออนไลน์ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีนะคะ แต่หลินต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เพียงอยากจะบอกว่ามีคนทำเงินจากวิธีนี้ได้จริง เลี้ยงตัวเองได้ด้วยนะ
พูดง่ายๆ คือเน้นพัฒนา content ของ  Blog ให้น่าสนใจ พอมียอด Traffic เยอะๆ แล้วก็ทำ affiliate ป้ายโฆษณาสินค้าใน Blog ของเรา เวลามีคนมาซื้อของ เราก็ได้ค่าคอมฯ ค่ะ เจ๋งไหมคะ

พูดถึงตรงนี้ หลินเลยอยากขอยก case study จากน้องที่รู้จักคนนึง ที่กำลังจะออกหนังสือโดยการเริ่มจากการสร้าง Facebook Fanpage เพื่อเข้าหากลุ่มผู้สนใจ และในเวลาเดียวกันก็สามารถพัฒนางานเขียนของตัวเองให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้อีกด้วย ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะเป้าหมายของน้องคือออกหนังสือไปเรียนต่อประเทศอินเดีย  ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้หญิงกลัวกันหนักหนาว่าอันตราย อย่าว่าแต่ไปเรียนเลยค่ะ แค่ไปเที่ยวยังกลัวจะแย่ แต่น้องมะปรางเรียนปริญญาตรีจบจากประเทศอินเดีย และจะมาเล่าให้ฟังว่าประเทศอินเดียไม่ได้เป็นอย่างที่คนไทย (และคนทั้งโลก) คิด

ไปติดตามและให้กำลังใจ น้องมะปรางกันได้ที่ ลูกสาวคนเดียวก็เรียนจบอินเดียได้ (https://www.facebook.com/onlychildcansurviveinIndia/) หลินลองอ่านดูแล้ว สนุกน่าติดตามทุกตอนเลยค่ะ^^

สู้ๆ กันนะคะทุกคน หวังว่าจะได้แนวทางในการสร้างรายได้จาก Blog กันทั่วหน้าค่ะ

หลิน


ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ https://www.facebook.com/ebookmakerich ค่ะ



*************************

หลินกำลังจะมีคอร์ส สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค. สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon รายละเอียดคลิก http://goo.gl/l8Lrgc

ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก http://goo.gl/WOyNzF

ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^



Wednesday, December 2, 2015

จะเขียนหนังสือยังไงให้ขายดี??!

หลินคิดว่าเราทุกคนที่อยากมีผลงานหนังสือเป็นของตัวเอง ก็มีความฝันว่านอกจากจะมีผลงานวางขายแล้ว ก็ยังอยากให้หนังสือนั้นขายดีด้วยเป็นเรื่องธรรมดานะคะ เพราะการที่หนังสือขายดีเนี่ย นอกจากจะเป็นการให้กำลังใจตัวเราเอง ว่าหนังสือที่เป็นผลงานของเรา เป็นแนวที่เราถนัด มีความรู้ ความเชี่ยวชาญนั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดแล้ว ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากการขายหนังสือด้วยนะคะ^^

ทีนี้จึงมาถึงเรื่องที่ต้องคิดกันหน่อยล่ะ ว่าจะทำหนังสือยังไงให้หนังสือขายดีนะ?

ปัญหาพวกเนี้ยมักจะชอบเกิดกับ (ว่าที่) นักเขียนที่มีความรู้หลายอย่าง เชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น ความรู้ด้านจิตวิทยาก็มี ความรู้ด้านบริหารจัดการก็เยี่ยม  แม่และเด็กก็รู้นะ แถมยังอยากเขียนเรื่องแรงบันดาลใจอีกต่างหาก

และเพราะวันๆ เวลามีจำกัด สรุปคือจะเขียนเรื่องอะไรดีล่ะ? แล้วเรื่องไหนล่ะจะขายดี??




วันนี้หลินมีอีกแนวทางมาแนะนำค่ะ ติดตามนะคะ^^

แนวทางของวิธีการนี้ก็คือจริงๆ แล้วง่ายมาก วิธีการคือสังเกตว่าตอนเนี้ยเรื่องไหนหรือประเด็นไหนที่กำลังฮอตกำลังฮิตในตลาด เป็นเรื่องที่สังคมให้การสนใจ  newsfeed facebook ขึ้นหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยๆ คนแวดล้อมรอบตัวพูดคุยถึงเรื่องพวกนี้ จากนั้นมาดูตัวเองว่าเรามีความรู้เรื่องนี้ไหม? ถ้ามีก็แตกประเด็นมาเขียนได้เลยค่ะ^^

เช่น ถ้าเราสังเกตให้ดีๆ ช่วงไม่กี่ปีมานี้กระแสสุขภาพมาแรง อะไรๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพขายได้ดี ขายได้เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ฟิตเนส personal trainer กระแสหุ่น 6 แพค กินคลีน อาหารเพื่อสุขภาพ ไม่กินเนื้อสัตว์แปรรูป ฯลฯ ประเด็นพวกนี้ก็หยิบมาแตกมาเป็นหนังสือหนึ่งเล่มได้ เช่น เมนูอาหารคลีน เนื้อสัตว์แปรรูปที่ควรหลีกเลี่ยง ครีมเทียมไม่ดีต่อสุขภาพยังไง มาการีนเทียบกับเนยแล้วทำไมเนยดีกว่า โยคะสำหรับคนทำงานออฟฟิส ฯลฯ

นอกจากเรื่องสุขภาพที่ดังสุดๆ แล้วก็ยังมีกระแสอีกอย่างที่ดังไม่แพ้กัน เช่น ไม่ต้องทำงานประจำ ทำงานที่รักแบบอยู่ที่บ้านก็ทำได้ ไม่ต้องเหนื่อยรถติด passive income รวยด้วยหุ้น รวยด้วยคอนโด วิธีวาด line sticker เขียนหนังสือขายออนไลน์ ขายของออนไลน์ เป็น infopreneur ฯลฯ ลองหาประเด็นพวกนี้มาแตกยอดเป็นคอนเซปต์หนังสือดูค่ะ

และเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจไม่ดี จิตใจคนหดหู่ซึมเศร้า คนอยากจะแสวงหาที่พึ่งทางใจ กระแสที่จะมาแรงคือแนวธรรมะบำบัดใจทั้งหลาย เช่น ธรรมะสำหรับคนรุ่นใหม่ ใช้ภาษาง่ายๆ วิธีคิดบวก ทำใจให้มีความสุข ปล่อยวาง ตัวเบาใจสบาย ไม่ถือไม่หนัก ฯลฯ หนังสือแนวจิตวิทยา คอร์สอบรมธรรมะก็จะขายดีค่ะ

จะเห็นว่าเรื่องพวกนี้ จริงๆ เราเห็นๆ กันอยู่ตลอดเวลา ไม่ดูทีวีก็ยังเห็น ไม่เล่นเฟสก็ต้องได้ยิน เพราะคนรอบๆ ตัวเราก็ต้องมีพูดถึง พูดคุยกันบ้าง ลองสังเกตกระแสสังคมดีๆ ค่ะ แล้วคิดว่ามีประเด็นอะไรที่เราเอามาใช้ได้บ้าง

ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ^^
ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ https://www.facebook.com/ebookmakerich ค่ะ

สู้ๆ นะคะ โย่วว!!

หลินกำลังจะมีคอร์ส สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค.  สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon รายละเอียดคลิก http://goo.gl/l8Lrgc

ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก http://goo.gl/WOyNzF

ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^