Tuesday, April 21, 2015

ปกหนังสือนั้นสำคัญไฉน?

จากโพสที่แล้วที่เราคุยกันเรื่องการหาแหล่งรูปฟรีมาใช้ทำปก  คราวนี้ก็ได้เวลาทำปกกันสักที เย้ๆๆ

หลังจากที่เรารู้แหล่ง ได้รูปดีๆ ถูกใจอย่างมากมาย หมายมั่นปั้นมือจะทำปกให้สวยงาม  จะรอช้าอยู่ใย ฉันจะลงมือทำในบัดดล...

อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน  ได้รูปดี หาใช่หมายถึงปกจะดี เปรียบได้กับเรามีวัตถุดิบปรุงอาหารชั้นเลิศ แต่หากเราไม่รู้วิธีทำอาหาร ทำออกมาก็เสียของเปล่าๆ เสียเวลาอ่านข้อแนะนำข้างล่างสักนิด รับรองว่าปกของเราจะทรงคุณค่าขึ้นหลังอ่านจบ




ปกนี้ดี ที่ตัวหนังสือใหญ่อ่านง่าย ไม่จมไปกับ background  
ที่รูปส่งเสริมชื่อหนังสือ ที่คำโปรยอธิบายเนื้อในชัดเจน



มาดูข้อแนะนำในการทำปกกันดีกว่าค่ะ

1. ตัวหนังสือต้องอ่านง่าย

 และใหญ่พอที่จะอ่านออก(อย่างน้อยก็ชื่อหนังสือ) เมื่อแสดงผลเป็น thumbnail  ก็อย่างที่รู้กันว่าปกหนังสือ eBook ของเราเมื่ออยู่บนเวป Amazon (จริงๆแล้วเวปขาย online eBooks เป็นอย่างนี้ทุกเวป Ookbee ของไทยก็เป็น) จะแสดงผลเป็นรูปปกเล็กๆ (thumbnail) และอยู่ร่วมกับปกหนังสืออื่นอีกมากมาย หากว่าตัวหนังสือเล็กเกินไป อ่านยาก ก็คงโดนมองข้ามไปอย่างแน่นอน  อย่าตกม้าตายตั้งแต่ออกสตาร์ทเลย

2. .ตัวหนังสือไม่จมไปกับ background

และ background เองก็ไม่ควรรกเกินไปจนรบกวนสายตา ดังนั้นอย่าเลือกรูปที่มีลวดลายเยอะเกินไปมาทำปก หากมีลวดลายก็เป็นเฉพาะส่วน เหลือสีพื้นให้วางตัวหนังสือได้หน่อย ลองดูปกนิตยสารเป็นตัวอย่างก็ได้ค่ะ

3. สีและฟอนท์ของตัวหนังสือเหมาะสม

เหมาะสมในที่นี้ คือสีของตัวหนังสือนอกจากจะไม่จมไปกับ background โทนสีหรือเฉดสีต้องเข้ากับปกหรืออารมณ์ของหนังสือ และอย่าใช้ฟอนท์ที่อ่านยากจนเกินไป เรียบง่ายแต่ดูดี จะอยู่ได้นานใช้ได้ตลอดกว่าค่ะ

4. รูปที่ใช้มาทำปกต้องส่งเสริมชื่อหนังสือ

การเอารูปที่ดูไม่ค่อยเกี่ยวกับชื่อหนังสือหรือเนื้อเรื่อง จะไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะการสื่อสารถึงผู้อ่านไม่ชัดเจน ชื่อเรื่องกับภาพปกไปคนละทิศคนละทาง พาลให้คิดไปว่าเนื้อในจะได้เรื่องหรือเปล่าว้า..

5. คำโปรยปกส่งเสริมชื่อหนังสือ

คำโปรยในที่นี้หมายถึงตัวหนังสือที่นอกเหนือจากชื่อหนังสือ ส่วนใหญ่จะตัวเล็กกว่าชื่อเรื่อง เอาไว้ใช้บอกรายละเอียดหนังสืออีกที

ยังไงตอนนี้เราก็ได้แนวทางการเลือกรูป เลือกขนาด สี และฟอนท์ของตัวอักษรกันแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ทำให้รูปที่เราอุตส่าห์เลือกเฟ้นแทบเป็นแทบตายกลายเป็นพลอย แล้วทำให้เรากลายเป็นไก่ไปได้ล่ะ...

 เรื่องการตั้งชื่อเรื่องและการเขียนคำโปรย มีเรื่องให้พูดถึงรายละเอียดอยู่  ขอติดไว้เป็นโพสหน้า เดี๋ยวจะยาวเกินไป ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

Monday, April 13, 2015

ข้อดีการขาย Kindle eBook

โพสนี้เรามาคุยกันเรื่องข้อดีของการเขียน eBooks ขายกันค่ะ ว่ามันดีกว่าหนังสือเล่มอย่างไร เริ่มกันเล๊ย!



-ต้นทุนต่ำ งบลงทุนไม่บานปลาย

งบลงทุนในการทำ Kindle eBooks ถือว่าต่ำมากค่ะ ยิ่งหากเราสามารถใช้Microsoft wordได้และมีวัตถุดิบเรื่องที่จะเขียนอยู่แล้ว ก็สบายไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ หากเราทำปกและกราฟฟิกเองเป็นแล้วล่ะก็ แทบจะเรียกได้ว่าอย่างเดียวที่ลงทุนคือลงทุนเวลา หากว่างานบางอย่างเราทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ KDP (Kindle Direct Publishing) มีตัวช่วย หรือไม่เราก็อาจหา outsource มาทำแทนเราในส่วนนี้ก็ได้ ซึ่งก็ยังเป็นค่าใช้จ่ายที่กำหนดแน่นอนตายตัว ควบคุมค่าใช้จ่ายได้

นอกจากนี้ข้อดีของ eBooks ข้อสำคัญเมื่อเทียบกับหนังสือเล่มคือ มันเป็นสินค้าที่เป็น digital format หากเปรียบเทียบกับการทำหนังสือเล่ม ปัจจัยต่างๆที่มีผลกระทบกับต้นทุนของหนังสือเล่มมีเยอะกว่า เช่น ค่ากระดาษ ค่าโรงพิมพ์ ค่าจัดจำหน่าย และยังรวมถึงการวางแผน stock หนังสือ และเงินลงทุนที่จมไปกับหนังสือเราที่พิมพ์เสร็จแล้วเพื่อรอการขาย (inventory stock)

-รายได้ 70%ของยอดขายเป็นของคุณ (Royalties = 70%)

% ส่วนแบ่งรายได้จากการขาย eBooks ในAmazon Kindle เมื่อเทียบกับหนังสือเล่ม สูงกว่า โดยปกติแล้วหากหนังสือเล่มขายผ่านช่องทางจัดจำหน่ายใหญ่ๆ (อย่างบ้านเราก็ ซีเอ็ด นายอินทร์ ) จะโดนจัดเก็บค่าธรรมเนียมสูงถึง 40-50% ของราคาหนังสือหน้าปก หลังจากหักต้นทุนหนังสือและค่าดำเนินการของสำนักพิมพ์ เงินเหลือตกถึงนักเขียนก็ราวๆ 7-12% ของราคาหนังสือ
แต่หากเราเขียนขายที่ Amazon Kindle เราได้ส่วนแบ่ง(Royalties) สูงถึง 70% นั่นก็เพราะการจัดการ eBooks นั้นง่ายกว่ามาก โกดังหนังสือก็คือเซอร์เวอร์ จัดส่งหนังสือก็ผ่านการdownload ร้านหนังสือก็อยู่บนอินเตอร์เนต ส่วนแบ่งจึงเหลือถึงเหล่านักเขียนเยอะขึ้น

-Amazon ดูแลหลังร้านให้ เราแค่รอเก็บเงินส่วนแบ่งค่า Royalty fees

จริงๆแล้วหัวข้อนี้หนังสือเล่มก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่อยากเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เช่นซื้อขายของonline ซึ่งอาจต้องคอยตอบคำถามลูกค้า แพ็คของส่งลูกค้า แต่ขาย eBooks นั้นไม่ใช่ หลังจากเราส่งหนังสือออกขายแล้ว ส่วนหน้าร้านและหลังร้าน Amazon จะเป็นคนดูแลแทนเรา เราไปลั๊ลลาที่ไหนก็ได้ มีหน้าที่แค่รอรับค่าส่วนแบ่งการขาย

-Passive Income เหนื่อยก่อน สบายทีหลัง 

 eBooks ถือได้ว่าเป็น Passive income อย่างหนึ่ง คือหลังจากเราส่งหนังสือขาย published ไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้หนังสือขายตัวมันเอง แรกๆเราต้องช่วยหน่อย โปรโมตหนังสือ ทำโปรโมชั่น หาคนเขียนรีวิว  หลังจากนั้นก็เขียนเล่มใหม่ขาย ในเมื่อมันขายได้ขายดี จะมีเล่มเดียวทำไม?

Thursday, April 9, 2015

Amazon Kindle คืออะไร

แรกเริ่มเดิมทีตอนที่ Amazon เริ่มต้นทำธุรกิจ eBooks นอกจากจะต้องมีไฟล์ eBooks วางจำหน่ายแล้ว ทาง Amazon ก็ได้ทำอุปกรณ์ไว้สำหรับอ่าน eBooks ออกจำหน่ายอีกด้วย มีชื่อว่า Amazon Kindle ซึ่งเรียกง่ายๆว่ามันคือ eBook reader ที่พัฒนาโดย Amazon เพื่อใช้อ่าน eBooks ที่เป็น format ของ Amazon eBooks (ป้องกันการcopy)ที่เราเรียกว่า Kindle





kindle fire hdx


ต่อมาเทคโนโลยีด้าน IT พัฒนาขึ้น ปัจจุบันนี้มี APP เพื่ออ่าน eBooks สามารถติดตั้งใน Smartphone (ทั้ง IPhone และ android phone) รวมถึง iPad แม้กระทั่งDesktop Computer ให้ download ฟรี ซึ่งเมื่อติดตั้ง APP เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวก็สามารถอ่าน Kindle eBooks ได้ จากนั้นเราก็สามารถสั่งซื้อ eBooks ที่มีวางขายบน Amazon แล้วใช้ Smartphone ของเราอ่าน eBooks ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เครื่องมือที่ใช้อ่าน eBooks ของ Amazon แพร่หลายมากขึ้น เพราะแม้แต่โทรศัพท์ของเราก็อ่าน eBooks ได้

เราจะเห็นว่าเครื่องมืออ่าน  Amazon Kindle eBooks มีมากมาย ไม่จำเป็นต้องซื้อ Amazon Kindle Device มาโดยเฉพาะเพื่ออ่าน eBooks นั่นเป็นเพราะว่า Amazon เองก็เน้นขายหนังสือ eBooksไม่ได้เน้นขาย Devices (คงคิดว่าให้APPฟรีแพร่หลาย แล้วเอากำไรจาก eBooks จะดีกว่า) ทำให้ข้อจำกัดของคนที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้อ่าน Kindle eBooks แทบจะไม่มีเลย

Kindle Device รุ่นใหม่ๆที่ออกมาก็ไม่ได้มีfunction ที่ใช้อ่านแต่ eBooks เหมือนรุ่นแรกๆ มันสามารถเชื่อมต่อ Wifi ,จอTouchscreen, มีfunctionช่วยอำนวยความสะดวกในการอ่านหนังสือ แถมยังพ่วงโปรโมชั่นกับ Kindle eBooks Store ของAmazon อีกด้วย เรียกว่าซื้อ eBooks ได้ในราคาถูก อ่านฟรีเล่มไหนก็ได้30วัน และอื่นๆอีกมากมาย น่าสนไหมล่ะ ยิ่งรุ่น Kindle Fire HDX แทบจะทำอะไรได้เหมือน iPad เลยทีเดียวล่ะ สนใจถอยสักเครื่องไหมคะ

หลิน^^

Wednesday, April 8, 2015

ใครขายหนังสือ eBooks บน Amazon บ้าง

คำตอบคือ...(ตอบเร็วไปไหม) มีตั้งแต่สำนักพิมพ์ใหญ่ สำนักพิมพ์เล็ก นักเขียนอิสระ และแม้แต่ Amazonเองก็ลงมาเล่นในตลาดนี้กับเขาด้วยนะ
เราลองมาดูกราฟวงกลมข้างล่างกันดีกว่าค่ะ สังเกตเห็นไหมว่าจำนวนเล่ม(unit sales)ของนักเขียนอิสระมากสุดเลยนะ เย่ เย่! ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 39% เชียวนะจ๊ะ


 แสดงปริมาณยอดขายของหมวดหนังสือขายดี แยกตามประเภทของผู้จัดทำ



ดูปริมาณยอดขายกันไปแล้ว คราวนี้มาดูรายได้จากการขายบ้าง ไหงกลับกลายเป็นว่า สำนักพิมพ์ใหญ่ครองส่วนแบ่งรายได้มากที่สุดล่ะ
นั่นเป็นเพราะราคาหนังสือต่อเล่ม(Unit price) ของนักเขียนอิสระนั้นตั้งไว้ไม่สูงมาก เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจึงน้อยกว่าสำนักพิมพ์ใหญ่ ปัจจัยหลักๆในการตั้งราคาได้ไม่สูงนัก อยู่ที่ความน่าเชื่อถือ หากนักเขียนมีผลงานเป็นที่รู้จักก็สามารถที่ตั้งราคาขายได้สูงขึ้นได้ (หากดังขนาดนั้นก็คงมีสำนักพิมพ์มาจีบอยู่ดี)



แสดงรายได้ของหมวดหนังสือขายดี แยกตามประเภทของผู้จัดทำ



ได้เงินเท่าไหร่กันบ้าง เรื่องที่อยากรู้เลย

นักเขียนอิสระก็ยังครองแชมป์เกือบๆจะทุกช่วงของรายได้ แต่ก็อย่าลืมว่าจำนวนนักเขียนอิสระก็เยอะที่สุดด้วยเช่นกัน หากเทียบกับสำนักพิมพ์ใหญ่5อันดับแรก (ย้ำ... แค่5) รายได้ก็เกินครึ่งของรายได้ของนักเขียนอิสระทั้งหมดรวมกันแล้ว


แสดงช่วงรายได้ของนักเขียน แยกตามประเภทของผู้จัดทำ

เราในฐานะ(ว่าที่)นักเขียนอิสระก็มีโอกาสแย่งชิงเงินในตลาดเข้ากระเป๋าเรา หากมองอีกแง่หนึ่งหนังสือของเราก็ต้องแข่งดุเดือดไม่เฉพาะกับนักเขียนอิสระด้วยกันเองแต่ยังต้องแข่งขันกับสำนักพิมพ์ใหญ่ๆอีกด้วย แต่ก็อย่าเพิ่งท้อไป ในตอนต่อๆไป หลินจะแชร์วิธีการทำให้หนังสือน่าสนใจ รวมไปถึงวิธีการโปรโมตหนังสือให้เป็นที่รู้จักด้วย
หลิน^^

ที่มาของกราฟ
http://www.publishingtechnology.com/2014/02/ebook-sales-growth-where-its-really-coming-from-an-analysis-of-author-earnings/

Tuesday, April 7, 2015

Amazon Kindle eBooks ร้านหนังสือonlineใหญ่ที่สุดในโลกา

โพสนี้หลินจะแนะนำร้านหนังสือ online ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันค่ะ  นั่นก็คือ Amazon ร้านนี้นั่นเองๆๆๆ (อ่านให้ได้อารมณ์เสียงทีวีแชมป์เปี้ยนนะคะ) จริงๆแล้ว Amazon เป็นร้าน online ขายหลายอย่างเลยค่ะ แต่ที่เราจะเน้นในที่นี้ก็คือหนังสือค่ะ และก็เป็นแบบ eBooks ด้วยนะคะ (หนังสือเล่มๆ ที่เรียกว่า paperback ใน Amazon ก็มีขายนะ)


Amazon Kindle eBooks store website


eBooks รูปแบบที่ขายใน Amazon มีชื่อเรียกว่า Kindle ค่ะ และร้านขายหนังสือ online เรียกว่า Kindle eBooks store ซึ่งโดยปกติแล้ว หากหนังสือปกนั้นมีทั้งรูปแบบ paperback และ Kindle ราคาหนังสือที่เป็นแบบ Kindle จะถูกกว่าหลายเหรียญเลยทีเดียว เพราะต้นทุนถูกกว่าค่ะ

คราวนี้ลองมาดูเฉพาะตลาดหนังสือในAmazonกันบ้าง จะเห็นว่ายอดจำหน่าย Kindle eBooks แซงยอดขายหนังสือเล่มไปไกลแล้ว



เราพอจะมองเห็นเทรนของหนังสือโลกไหมคะ ว่าformatหนังสือแบบใดจะได้รับความนิยมสูงกว่ากันในอนาคต ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหนังสือของบ้านเรา เมืองไทยที่รัก

ครั้งหน้าเราจะไปดูกันว่าผู้เล่นในตลาด Kindle eBooks มีใครกันบ้าง กลุ่มใหญ่คือใคร ใครครองส่วนแบ่งมากสุด รู้แล้วจะ อึ้ง ทึ่ง เสียว!
หลิน^^

Sunday, April 5, 2015

โอกาสของ eBook มาถึงแล้วนะคะ

ปัจจุบันนี้นับว่าเราเข้าสู่ยุคเสพข้อมูลข่าวสารผ่านโลกโซเชียลมีเดียกันแล้ว  ไปไหนเรียกว่าแทบไม่มีใครไม่ใช้ smartphone ไลฟ์สไตล์การอ่านหนังสือก็เช่นเดียวกัน เราหันมาอ่านหนังสือผ่านอุปกรณ์ Electronics device กันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหนังสือดังกล่าวเรารู้จักกันโดยทั่วไปว่า eBook ค่า

เมืองนอกก็เหมือนกันนะ ดูอเมริกาเป็นตัวอย่าง จากข้อมูลเมื่อปี 2012 ในกราฟ จะเห็นว่ายอดขาย eBooks ในอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 1ใน 4 ของหนังสือทั้งตลาดเลยทีเดียว และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ




ฝรั่งจึงมองว่าแนวโน้มของ eBook ดูสดใสเลยทีเดียว ก็เพราะว่าการทำต้นทุน eBook นั้นต่ำกว่าหนังสือที่พิมพ์เป็นเล่มขายตามร้านมากๆ เลย  จึงเปิดโอกาสให้ใครก็ได้มีโอกาสเป็นนักเขียนอิสระทำ eBook แล้ววางขายในเวปขายหนังสือ โพสหน้า หลินจะแนะนำเวปขายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดทั้งหนังสือเล่มและ eBook ติดตามกันได้ค่ะ แล้วจะรู้ว่ายังมีตลาดหนังสือที่นักเขียนเขียนเองได้โดยไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์อีกน้า


หลิน^^