Tuesday, January 26, 2016

5 วิธีโปรโมทผลงานตัวเองผ่าน Facebook ไม่ยากเลยค่ะ^^

สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกครั้งนะคะกับบทความดีๆ ส่งเสริมสนับสนุนนักเขียนอย่างเราให้สามารถทำงานเขียนได้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะวิธีเขียน วิธีขาย และวิธีโปรโมทตัวเอง^^

โพสนี้ก็เป็นอีกครั้งค่ะที่หลินอยากแนะนำมากๆ ค่ะสำหรับนักเขียนมือใหม่ ที่หลังจากมีผลงานหรือกำลังมีผลงานของตัวเองแล้ว อยากหาวิธีโปรโมทตัวเองผ่าน facebook จะทำยังไงดี?

ติดตามวิธีโปรโมทตัวเองผ่าน facebook ได้ในโพสนี้ค่าาาา^^




1. เข้าใจความต่างระหว่าง personal account ของตัวเองใน facebook กับ facebook fanpage

เวลาเรามี account ของเราเองใน facebook มีข้อดีคือเราสามารถไปเปิด fanpage ได้ ซึ่งตัว fanpage นั้นดีกว่า account ตรงที่สามารถทำโฆษณาแบบเสียตังค์ได้ (facebook ad) ตั้งเวลาโพสได้ ย้อนหลังก็ได้  แต่ข้อเสียคือโอกาสที่คนที่ Like page จะเห็นโพสของเราทั้งหมด (organic reach) จะน้อยกว่าโพสมาจาก account ของเราเองค่ะ สาเหตุก็เพราะพี่มาร์คต้องการให้เราเสียตังค์นิเอง = ='

ดังนั้น ที่ใช้กันบ่อยๆ คือใช้ควบคู่กันไประหว่าง account ของเราเองและ facebook fanpage โพสไหนเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ ก็ใช้ fanpage ไป โพสไหนไม่ได้โฆษณาแรงจ๋าไป เขียนแบบซอฟท์หน่อยๆ ไม่ได้ hard sales มากก็ใช้ account ของเราเองสลับกันไปได้ค่ะ


2. ใช้รูปปกหนังสือโปรโมทก็ดีนะ

ถ้าเราเป็นนักเขียนก็สามารถใช้รูปหน้าปกหนังสือของเราในการโปรโมทโพสได้ค่ะ ข้อแนะนำคือถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลายอย่าง หรือหนังสือหลายเล่ม ควรจะทำการโปรโมทผ่าน facebook เรื่องเดียวหรือเล่มเดียวในช่วงเวลาหนึ่ง อย่าทำหลายเรื่องๆ หลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เพราะไม่งั้้นคนซื้อจะงงว่าจะซื้ออะไรดี ซื้ออะไรแน่ เพราะต้องยอมรับว่าถ้าไม่ใช่แฟนพันธ์ุแท้ของเราจริงๆ เค้าจำไม่ได้หรอกค่ะว่าเรามีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้  newsfeed ของแต่ละคนเยอะมากๆ


3. สร้างกรุ๊ปใน facebook หรือไม่ก็ join ในกรุ๊ปอื่นๆ 

เดี๋ยวนี้เราจะเห็นกรุ๊ปใน facebook เยอะแยะมากเลยนะคะ ไม่ว่าเป็นกรุ๊ป ตลาดซื้อขายบทความ E-book  หรือกรุ๊ปงานเขียน ebook  อีกเทคนิคนึงที่ใช้การสร้าง connection คือสร้างกรุ๊ปพวกนี้ขี้นมาเองเลยค่ะ ถ้าทำแล้วกรุ๊ปประสบความสำเร็จ ก็จะมีนักเขียนคอเดียวกันมาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลงานตัวเอง แล้วก็ได้โฆษณาหนังสือของเราไปด้วย

แต่ถ้าคิดว่าสร้างกรุ๊ปขึ้นมาแล้วคิดว่าไม่สามารถดูแลได้ ใช้วิธีไป join ในกรุ๊ปอื่นๆ ที่เกี่่ยวข้องกับงานเขียนของเราก็ได้ค่ะ หมั่น active บ่อยๆ จะช่วยสร้าง connection ให้กับเราได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

4. โฆษณาอย่างมีลิมิต

แน่นอนเมื่อเราทำโฆษณาผ่าน fanpage ได้ ก็อย่าทุ่มโฆษณาเยอะมากๆ และเนื้อหาซ้ำกันบ่อยๆ ในทุกๆโพส เพราะว่าจะสร้างความรำคาญให้กับคนอ่านมากกว่าสร้างความอยากซื้อแน่นอนค่ะ เราจะอาจจะเจอ Unlike ได้ ควรมีจังหวะการลงโฆษณา จังหวะที่ไม่ลง เว้นวรรคด้วยลงโพสที่มีประโยชน์กับคนอ่าน ที่สำคัญลงโฆษณาเสียตังค์เยอะๆ เนี่ยพี่มาร์คจะรวยเอาคนเดียวนะคะ อิ อิ


5. เลือกกลุ่มเป้าหมายในการลงโฆษณาให้ถูก

เวลาเราลงโฆษณาแบบเสียเงินใน fanpage เนี่ย เราสามารถตั้งค่าให้คนอ่านเห็นโฆษณาของเราได้ ยิ่งถ้าตัวเลขประมาณการคนเห็นเยอะ เงินเราก็จะเสียเยอะหรือหมดเร็วด้วย

จริงๆ แล้วหลินคิดว่าตั้งค่า facebook ad เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตรงเป้าของเราจะดีกว่าหว่านแหค่ะ เพราะนอกจากจะเสียเงินค่าโฆษณาน้อยกว่าแล้ว ยังตรงกับว่าที่คนอ่านที่จะซื้อหนังสือของเราด้วย แรกเริ่มอาจจะทดลองลงโฆษณาสัก 100 บาท แล้วลองตั้ง target ดู target ไหนผลตอบรับดี Like เยอะหรือหนังสือเราขายได้ ถือว่าเรามาถูกทาง ค่อยลองอีกสัก 100 บาทถัดไปค่ะ ปกติหลินใช้งบประมาณอยู่ที่ 100 บาทต่อการโฆษณา 3 วันเป็นค่าเฉลี่ยค่ะ

นอกจากโพสนี้แล้ว หลินได้เขียนโพสเรื่องเทคนิคโปรโมทสำหรับนักเขียนมือใหม่ไว้ที่ลิงค์นี้ด้วย อ่านคู่กันแล้วคิดว่าจะมีประโยชน์มากขึ้นนะคะ^^ คลิกที่นี่เลยยย  5 เทคนิคโปรโมทตัวเองสำหรับนักเขียนมือใหม่!!

หลิน^^

หลินกำลังจะมีคอร์สสร้างเงินล้านจากงานเขียน อีกครั้งในวันที่ 13 กพ. และอีกเช่นเคยคราวนี้หลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษคุณอั้ม สุรเดช วิศวกรไฟฟ้าที่ออกมาเป็นนายตัวเองด้วยการทำหนังสือ eBook ขายในเว็บไซด์ตัวเองชื่อ http://www.asuradech.com/ และต่อยอดเป็นบริษัท Leader Wings
http://www.leaderwings.co/ รับผลิตและขายความรู้ใน platform ของ eBook, vdo และหนังสือเสียง

ความน่าสนใจอีกอย่างคือคุณอั้มสามารถระดมทุนผ่านเฟสส่วนตัวเพื่อมาตั้งบริษัท Leader Wings ในยอดเกือบ 1 ล้านบาทในเวลา 1 เดือน!!

มาติดตามคุณอั้มแชร์ประสบการณ์ดีๆ ในเส้นทางธุรกิจ info business และได้ passive income ด้วยได้ในคอร์สวันที่ 13 กพ.นี้นะคะ http://bit.ly/1nCT1xe

ดูภาพคอร์สล่าสุดที่นี่เลยค่าา http://bit.ly/1NZrpHx

หลิน^^



Tuesday, January 12, 2016

ขายหนังสือเองง่ายจริงๆ^^

สวัสดีค่ะพลพรรคนักเขียนทุกคน หลินต้องขออภัยด้วยนะคะที่ห่างหายจากเพจไปสักช่วงนึง พอดีช่วงนี้หลินเพิ่งจะออกหนังสือ eBook ภาษาจีนของตัวเองอีกเล่ม พร้อมกำลังจะมีคอร์สสัมมนาภาษาจีนของตัวเองด้วย เลยทำให้ความถี่ของ Blog นักเขียนน้อยลงไปบ้าง ยังไงก็ฝากติดตามกันเรื่อยๆ เหมือนเดิมนะคะ หลินสัญญาว่าจะหาข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับนักเขียนมาอัพต่อๆ ไปค่ะ เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับนักเขียนและ (ว่าที่) นักเขียนทุกคนอย่างแน่นอน



อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้หลินเพิ่งออกหนังสือ eBook ของตัวเองไปอีกเล่ม เลยได้ข้อมูลหลายๆ อย่างที่อยากมาแชร์ในวันนี้ค่ะ ว่าเดี๋ยวนี้ทำหนังสือขายเองมันง่ายมากกกๆๆ ไม่ยากเลยจริงๆ ที่เราจะมีหนังสือสักเล่ม หลินอยากเน้นว่าแบบไม่ต้องมี connection แบบไม่ต้องง้อใคร แบบไม่ต้องมีเส้น แบบไม่ต้องดัง ฯลฯ  เหมือนอย่างหลินก็ขายได้นะคะ

ติดตามช่องทางขายหนังสือ ขายเองแบบง่ายๆ ได้ในโพสนี้ค่ะ^^

ตอนนี้ช่องทางขายหนังสือในเมืองไทยทั้ง eBook และหนังสือเล่มมีหลายช่องทางเลยค่ะ แบ่งง่ายๆ เป็น 2 แบบคือ ช่องทางแบบดั้งเดิม กับ ช่องทางออนไลน์ (อันนี้เรียกเอง แบ่งเองนะคะ อิ อิ) ช่องทางแบบดั้งเดิมคือร้านหนังสือต่างๆ กับแบบออนไลน์ ก็คือเว็บไซด์ platform ขายหนังสือยี่ห้อต่างๆ  ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านหนังสือแบบดั้งเดิมก็ลงมาเล่นออนไลน์กันด้วยแล้วนะ

วันนี้มาโฟกัสช่องทางออนไลน์ที่นักเขียนอิสระอย่างเราๆ ทำเองได้ง่ายจัง ว่ามีช่องทางไหนบ้างนะคะ และทุกช่องทางที่คุยกันวันนี้ ต้อนรับนักเขียนอิสระอย่างเราๆ ค่ะ (หลินทำลิงค์ไว้ในแต่ละชื่อยี่ห้อแล้วค่ะ คลิกดูได้ทันที)



อันดับ 1 Ookbee

ไม่ต้องพูดกันเยอะมากสำหรับยี่ห้อนี้ในวงการ eBook   เค้า positioning ตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ทีสุดในไทยค่ะ

วิธีการสมัครก็ง่ายสุดๆ แค่เข้าไปที่ปุ่ม Writer ซึ่งผูกกับ facebook ก็สมัครได้แล้วค่ะ สมัครแล้วก็อัพหนังสือโหลดขายได้ทันที ใช้เวลาอนุมัติ 1 อาทิตย์ ค่าดำเนินการตอนนี้ Ookbee ไม่คิด แต่คิดค่าระบบปฏิบัติการที่ลูกค้าโหลด เช่น apple, IOS, android ซึ่งสัดส่วนไม่เท่ากัน (apple คิดแพงสุด)

ยิ่งถ้าหนังสือเราขายใน Ookbee แล้วขายดี ต่อยอดไปเป็น Ookbee Buffet, audio book ทำหนังสือเล่มขาย ทำแคมเปญระดมทุน http://creative.ookbee.com/  ได้อีกด้วยค่ะ

อันดับ 2 Mebmarket 

Mebmarket มีจุดเด่นคือเป็นตลาดขายนิยายที่ใหญ่มาก สมัครง่ายเหมือนกันเลยค่ะ ผูกกับ facebook ก็ได้ สำหรับหลิน  หลินว่า Meb ดีตรงที่อ่านผ่านคอมพิวเตอร์ได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านผ่าน app อย่างเดียว เพราะบางคนไม่ถนัดอ่านผ่าน smartphone  แถมยังมีตัวอย่างหนังสือ (sample) ให้อ่านผ่านคอมพ์ได้ Smartphone ก็ได้ด้วย (ตัวอย่างหนังสือของ  Ookbee ต้องอ่านผ่าน app Ookbee เท่านั้นค่ะ)

ทีเด็ดของ Ookbee และ Mebmarket อีกอย่างคือ "ลิงค์ช่วยขาย"  ลิงค์นี้จะทำงานเหมือนเราเป็น "นายหน้า" กินค่าคอมมิชชั่นในการขายหนังสือของเรานั่นเอง ถ้ามีลูกค้าซื้อหนังสือผ่านลิงค์นี้ของเรา เราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นในการช่วยขายหนังสือเล่มนี้ นอกจากเหนือจากผลประโยชน์ค่าลิขสิทธิ์ในฐานะเป็นนักเขียนด้วยค่ะ^^ เจ๋งสุดๆ ไปเลยนะคะ

อันดับ 3  Naiin Writer (นายอินทร์)

นายอินทร์ Writer มาจากร้านหนังสือนายอินทร์นั่นเองค่ะที่มาจับตลาด eBook ด้วย สามารถโหลดไฟล์หนังสือขายเองได้ สั่งปริ้นท์เป็นเล่มกับนายอินทร์ก็ได้ ที่หลินทำหนังสือของตัวเองขายผ่านอินทร์ รู้สึกว่าเค้ามีเจ้าหน้าที่เอาใจใส่นักเขียนอิสระดีเลยค่ะ มีโทรศัพท์มาสอบถามเวลาเราทำกระบวนการไม่ถูก แนะนำช่วยเหลือนักเขียนอย่างเราๆ ดีมากค่ะ^^

อันดับ 4 Se-ed Writer (ซีเอ็ด)

เช่นเดียวกันกับข้อ 4 ซีเอ็ดก็ลงมาเล่นตลาด eBook หรือออนไลน์ด้วยเหมือนกัน (เดี่ยวน้อยหน้านายอินทร์เนอะ)  ในบรรดาเว็บไซด์ขายหนังสือเองยี่ห้อต่างๆ ซีเอ็ดเป็นเว็บที่ขอข้อมูลเยอะที่สุด ละเอียดที่สุดเลยค่ะ แต่เป็นการขอครั้งเดียว ถ้าผ่านแล้ว คราวหน้าโหลดเล่มใหม่ก็ไม่ต้องทำอีกค่ะ ดังนั้นคุ้มค่าที่จะทำนะคะ

อันดับ 5 ebooks.in.th/

ebooks.in เป็นอีกเว็บไซด์ที่ให้โหลดหนังสือ eBook ไปขายง่ายๆ สมัครโดยผูกกับอีเมล์หรือ facebook ก็ได้ค่ะ ทีเด็ดของเว็บนี้คือมีระบบ print-on-demand ที่ไม่มีขั้นต่่ำในการพิมพ์ หมายถึงว่าแค่ 1 เล่มก็พิมพ์แล้วค่าาา เย่!แถมยังมีช่วยจัดการส่งหนังสือแพคเสร็จเรียบร้อยไปยังบ้านของลูกค้าได้ทันที โดยที่นักเขียนไม่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องสต๊อกหนังสือ-สั่งขั้นต่ำเป็นหลักร้อยเล่ม-แพคของ-ส่งของ นี่ก็เจ๋งสุด ๆ เลยนะคะ^^



ได้แนวทางแล้ว อย่ารีรอรีบจัดหนังสือตัวเองมาขายด่วนๆ เลยค่ะ

หลินกำลังจะมีคอร์สสร้างเงินล้านจากงานเขียน….คุณทำได้! อีกครั้งในวันที่ 16 มค.นี้ค่ะ^^  (เสาร์นี้แล้วนะคะ) คราวนี้พิเศษสุดๆ เพราะหลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษด้วย คือบก. ฮีโร่ซัง เจ้าของ Group ตลาดซื้อขายบทความ E-Book จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นนักเขียนที่เริ่มจากศูนย์ด้วยค่ะ (https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/)

ตลาดซื้อขายเป็นบทความ เป็นตลาดที่ผู้เขียนมาขายบทความจากงานเขียนของตัวเอง และผู้ซื้อมาซื้อบทความเพื่อเอาไปประกอบการใช้งานในเว็บไซด์หรือ social media platform อื่นๆ ค่ะ มาติดตามว่าอาชีพนักเขียน นอกจากจะเขียนหนังสือแล้ว ก็ยังเอาความสามารถจากการเขียนมาเขียนบทความสั้นๆ แล้วขายในตลาดซื้อขายบทความ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ^^

รายละเอียดคอร์สคลิก http://goo.gl/z3NK6M 
ดูภาพของคอร์สที่แล้ว คลิก http://goo.gl/CmhzXa

มาเจอกันให้ได้นะคะ^^

หลิน











Thursday, January 7, 2016

จาก Blog สู่ Book : สร้างหนังสือจากงานเขียน Blog ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ!!

สวัสดีปีใหม่นะคะ พลพรรคนักเขียนทุกท่าน ในปี 2559 นี้ หลินขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในอาชีพการงานกันทุกคนค่ะ ใครอยากเป็นนักเขียนขอให้มีผลงานหนังสือออกมาเร็วๆ มีความสุขกันมากๆ นะคะ^^

กลับเข้าสู่โลกของนักเขียนอย่างเรากันต่อเลยน้า...

สำหรับความฝันของนักเขียนหรือคนที่อยากจะเป็นนักเขียนอย่างพวกเรา ก็ไม่แคล้วว่าต้องอยากมีหนังสือสักเล่ม แต่ถ้าหากเราไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์มาก่อนก็คงเป็นเรื่องยากที่จะนับ 1 ใหม่ตั้งแต่แรก แต่ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเรื่องไม่ยากเท่าไหร่เลยนะคะ ถ้าหากเรามี Blog ของเราเอง และมีงานเขียนใน Blog ของเราพร้อมมืออยู่แล้ว

ติดตามวิธีเขียนหนังสือจาก Blog สู่ Book : สร้างหนังสือจากงานเขียน Blog ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ!! ได้ในโพสนี้ค่ะ^^



นักเขียนบางคนที่หลินเคยเห็น เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว วางแผนการเงิน การลงทุนอสังหาฯ เขียนเพราะใจชอบ ใจรักอยากถ่ายทอด บางคนเขียนมาเป็นปีๆ เนื้อหาใน Blog พวกนี้แหละค่ะ ที่จะมีมากพอรวบรวมหนังสือเป็นเล่มได้แน่ๆ นอกจากหนังสือจากBlog แล้วเรายังสามารถสร้างงานเงินจาก Blog ของเราได้อีกด้วยล่ะ ใครยังไม่ได้อ่านเรื่อง 4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลย

มาดูเหตุผลดีๆ ของการสร้างหนังสือจาก Blog กันค่ะ

ข้อแรกเลย  หนังสือสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้แตกต่างจาก Blog

พูดง่ายๆ ก็คือ กลุ่มคนอ่าน Blog กับกลุ่มคนอ่านหนังสือไม่ได้เป็นกลุ่มคนเดียวกันซะทั้งหมด บางคนไม่ชอบเทคโนโลยีก็ไม่อ่าน Blog ,ไม่ชอบอ่านจากจอคอมหรือมือถือก็ไม่อ่าน Blog , บางคนยังชอบความรู้สึกจากการจับต้องหนังสือพลิกกระดาษอ่านก็ไม่อ่าน Blog

ดังนั้น การที่ผลงานของเราเป็นหนังสือ (หรืออย่างน้อยเป็น eBook print on demand) ช่วยให้ผลงานของเราเข้าถึงคนอ่านได้มากขึ้น ไม่ถูกจำกัดด้วยการที่ต้องรู้เรื่อง IT หรือแม้แต่สไตล์คนอ่านแบบอนุรักษ์นิยมที่ชอบอ่านจากกระดาษค่ะ

ข้อสอง หนังสือสร้างเครดิตให้ผู้เขียน

อันนี้ชัดเจนมากๆ เลยนะคะ คนดังๆ หลายคนต้องการมีผลงานหนังสือ เป้าหมายไม่ได้มุ่งรายได้จากการขายอย่างเดียวแต่อยากให้หนังสือเป็นส่วนหนึ่งของ portfolio ของเค้าต่างหาก

นอกจากนี้ บางคนก็ทำกลับข้างกันคือให้หนังสือเป็นทัพหน้า เป็นตัวนำเมื่อทำหนังสือสำเร็จแล้วก็ต่อยอดไปอย่างอื่นๆ


ข้อสาม หนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้เนื้อหาฃองเรา

เมื่อเขียน Blog ไปเรื่อยๆ เยอะมากเข้า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คนอ่าน Blog ของเราไม่ได้อ่านโพสอันแรกๆ ของเรา เพราะว่ามันตกไปไกลแล้ว และถึงแม้ว่า Blog จะมีฟังก์ชั่นค้นหา หรือมีการจัดหมวดหมู่ มันซึ่งช่วยได้แค่ในระดับหนึ่ง

สาเหตุเพราะผลการค้นหาไม่สามารถเรียงลำดับเรื่องราวที่ควรอ่านก่อนหลังได้ และก็ต้องยอมรับว่าคนอ่านก็ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นค้นหาทุกคนหรอกค่ะ


ดังนั้น การรวบรวมงานเขียนมาเป็นหนังสือ เราสามารถหยิบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกัน มาเรียงลำดับเรื่องราวก่อนหลัง เพิ่มเติมเนื้อหาให้ทันสมัยขึ้น ทำให้เนื้อหาที่เราอยากนำเสนอได้ผ่านสายตาคนอ่านอย่างที่ตั้งใจ หัวข้อนี้จึงบอกว่าหนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้เนื้อหาของเราแบบนี้ค่าา

ซึ่งวิธีการรวบรวมจาก Blog ให้เป็นหนังสือนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ มีด้วยกันง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ดังนี้ค่ะ

1. รวบรวมโพสเก่าๆ ของเราไว้ในที่เดียว

จากนั้นก็เริ่มคัดเลือกโพส อันไหนควรจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ อันไหนเนื้อหาเก่าไปแล้วต้องปรับปรุง อันไหนควรเอามาเพิ่มเติม ปรับปรุง แก้ไข

2. เตรียมหา "คนอื่่น" มาช่วยอ่าน

เป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ที่เราเขียนหนังสือเอง อ่านเอง ตรวจเอง แล้วว่าดีทุกอย่าง ไม่น่ามีอะไรแก้แล้ว แต่พอเวลาผ่านไป กลับมาอ่านอีกที เฮ้ย..ตรงนี้ทำไมเขียนแบบนี้ ตรงนี้น่าจะแก้นะ ว้า..ไม่น่าเลย

ดังนั้น สำคัญมากๆ ค่ะที่เราจะมีคน "อื่นๆ" มาช่วยอ่านให้อีกที ถ้าทำแบบเป็นเรื่องเป็นราว บางคนก็จ้าง "บรรณาธิการ" ช่วยอ่านแบบจ่ายเงิน ถ้างบเรายังไม่มากพอ อย่างน้อยก็ควรมีเพื่อน พี่ น้อง หรือคนใกล้ตัวมาช่วยอ่าน อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าอ่านคนเดียวอย่างแน่นอนค่ะ

อีกเคล็ดลับนึง คือหลังจากเขียนเสร็จแล้วควรทิ้งช่วงสักระยะหนึ่งก่อน แล้วค่อยมาอ่านใหม่ จากนั้นค่อยกระจายให้คนอื่นๆ อ่านตามลำดับค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้งานเขียนเราลื่นไหลขึ้น เพราะถ้าเราอ่านซ้ำๆ บ่อยๆ ทุกๆ วัน เราจะมองไม่เห็นว่าอันไหนควรแก้ไข

3. ลงทุนกับ "ปก"

มีประโยคที่ว่า "ปกหนังสือเป็นรักแรกพบของคนซื้อ" หลินว่าก็มีส่วนจริงอยู่มากค่ะ หลายคนตัดสินใจซื้อหนังสือเพราะปกสวย (แต่มาเขวี้ยงทิ้งทีหลังว่าเนื้อหาไม่ดีนี่เป็นอีกเรื่องนึงเนอะ แหะๆ) ดังนั้น ถ้าในช่วงเริ่มต้นเรายังไม่มีทุนมาก หลินแนะนำว่าเงินทุนที่ไม่มากนี้เอามาจ้างทำปกสวยๆ ดีกว่าค่ะ ค่าจ้างทำปกอยู่ที่ 1,500 บาทขึ้นไป

แต่ถ้าเรายังไม่พร้อมจริงๆ หลินแนะนำว่าทำปกสไตล์ง่ายๆ แบบดูดี ปกที่มีตัวอักษรใหญ่ๆ อยู่ตรงกลางภาพ ส่วนภาพประกอบใช้จากเว็ปภาพฟรีก็ได้ค่ะ  ลองดูลิงค์นี้นะคะ (แหล่งรวมภาพฟรีมีอยู่จริง แนะนำ14 websites รูปฟรีสุดเจ๋ง http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/07/14-websites.html)

คราวนี้ก็ได้เวลาลงมือเขียน Blog กันแล้วค่ะ^^

หลิน^^


ฝากข่าวนิดนึงค่ะ

หลินกำลังจะมีคอร์สสร้างเงินล้านจากงานเขียน….คุณทำได้! อีกครั้งในวันที่ 16 มค.นี้ค่ะ^^ คราวนี้พิเศษสุดๆ เพราะหลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษด้วย คือบก. ฮีโร่ซัง เจ้าของ Group ตลาดซื้อขายบทความ E-Book จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นนักเขียนเิร่มจากศูนย์ด้วยค่ะ (https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/)

ตลาดซื้อขายเป็นบทความ เป็นตลาดที่ผู้เขียนมาขายบทความจากงานเขียนของตัวเอง และผู้ซื้อมาซื้อบทความเพื่อเอาไปประกอบการใช้งานในเว็บไซด์หรือ social media platform อื่นๆ ค่ะ มาติดตามว่าอาชีพนักเขียน นอกจากจะเขียนหนังสือแล้ว ก็ยังเอาความสามารถจากการเขียนมาเขียนบทความสั้นๆ แล้วขายในตลาดซื้อขายบทความ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ^^

สนใจเข้าร่วมคอร์สคลิก http://goo.gl/z3NK6M
ดูภาพของคอร์สที่แล้ว คลิก http://goo.gl/CmhzXa

มาเจอกันให้ได้นะคะ^^