tag:blogger.com,1999:blog-76305653518549974532024-03-13T22:47:11.020+07:00เรียนเขียน เพื่อขายกับ Amazonทำหนังสือเองเพื่อขาย ในตลาดหนังสือ eBook ในไทยและต่างประเทศ โดยไม่ต้องพึ่งสำนักพิมพ์ ผ่าน amazon kindle store ตลาด ebook ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.comBlogger62125tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-6685984298090745422016-02-08T21:44:00.000+07:002016-02-08T21:44:44.598+07:00อยากสร้าง Blog ให้ประสบความสำเร็จ จะทำไงดี???สวัสดีค่ะ พลพรรคนักเขียนทุกท่านคะ ตรุษจีนเพิ่งผ่านไปหลินขออวยพรให้ทุกท่านเฮงๆ ร่ำรวยๆ และประสบความสำเร็จมี passive income จากงานหนังสือกันทุกคนนะคะ^^<br />
<br />
ถ้ายังจำกันได้ หลินเคยเขียนไว้หลายโพสแล้วเหมือนกันว่าหนึ่งในวิธีแนะนำตัวในฐานะนักเขียนที่ถูกที่สุด แต่หลายคนก็ประสบความสำเร็จจากการเริ่มต้นวิธีนี้คือการเริ่มต้นเขียน Blog (อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์ข้างล่างได้เลยยยย)<br />
<br />
<ul>
<li><a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/5-blog.html" target="_blank">5 วิธีการสร้าง Blog ให้เติบโต </a></li>
<li><a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/4-blog.html" target="_blank">4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา </a></li>
<li><a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2016/01/blog-book-blog.html" target="_blank">จาก Blog สู่ Book : สร้างหนังสือจากงานเขียน Blog ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ!!</a></li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<div>
แต่ที่นี้เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ค่ะ ที่ตอนเริ่มแรกๆ เขียน Blog ใหม่ๆ ฐานคนอ่านเราจะน้อย เราเขียนอะไรไป คนไม่ค่อยอ่าน อาจจะไม่เห็น Blog เรา หรือแม้กระทั่งเราเขียนยังไม่ "โดน" ใจลูกค้า วันนี้หลินมีวิธีทำ Blog ให้ประสบความสำเร็จมากฝากค่ะ เอามาปรับใช้กับ Blog ของเรา สร้างฐานลูกค้าให้เติบโต ให้มีคนติดตามมากๆ ขึ้นเรื่อยๆ ลองอานดูได้เลย^^<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizckrNvNmzXQrJrxPO8xfFRegpi5TjzeBriRznFOAZLiT_0VcGwZq_yPeYbNxZAwlpHpARzuAUrxfxAkn0dS4heIxomzdaVH4oZjPoIYmT7y_Pxx92mG6gzss6N9kuUcNk1qA89b5c1INo/s1600/technology-791034_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="425" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizckrNvNmzXQrJrxPO8xfFRegpi5TjzeBriRznFOAZLiT_0VcGwZq_yPeYbNxZAwlpHpARzuAUrxfxAkn0dS4heIxomzdaVH4oZjPoIYmT7y_Pxx92mG6gzss6N9kuUcNk1qA89b5c1INo/s640/technology-791034_1280.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<h2>
</h2>
<h3>
1. ใช้ social media อื่นๆ มาช่วยโปรโมท Blog อีกที</h3>
<div>
วิธีนี้หลายๆ คนใช้รวมทั้งหลินด้วยค่ะ คือเริ่มเขียนจากใน Blog ก่อนจากนั้นค่อย เอาลิงค์ไปใส่ใน social media ตามถนัด จะเป็น facebook, twitter, Line@ อะไรก็ได้ที่เราใช้อยู่ วัตถุประสงค์ก็เพื่อดึงคนอ่านให้เข้ามาอ่านใน Blog สร้างยอด Traffic เพื่อให้ Google เห็นว่า Blog ของเรามีประโยชน์ (seo) หลังจากนั้น Google ก็จะจัดอันดับBlog ของเราให้อยู่บนๆของอันดับค้นหา ลูกค้าใหม่ๆ ก็จะได้เห็น Blog ของเราได้ง่ายๆ ด้วยล่ะค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
แรกๆ อาจเริ่มจากส่งลิงค์ Blog ผ่าน facebook ส่วนตัวให้เพื่อน ญาติ แฟน อ่านกันก่อน เริ่มจากคนใกล้ๆ ตัวแล้วค่อยๆ ขยายๆ ออกไปนะคะ</div>
<div>
<br /></div>
<h3>
2. เขียนคำโปรยให้น่าสนใจ</h3>
<div>
หลินว่าหลายๆ คนคงต้องได้เจอโพสทำนองว่า "ในคืนนั้นของผู้หญิงคนนี้ที่เจอแฟนเก่ากับเด็กข้างบน ทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลล..." และแน่นอนว่าเราก็คลิกเข้าไปอ่านใช่ป่าวคะ และหลังจากที่อ่านแล้วเราก็พบว่า โธ่เว้ย..ไม่น่าคลิกเข้ามาอ่านเล้ยยยย เซ็งห่าน ><' (เพราะไม่มีอะไรเลยอ่ะ)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ซึ่งโพสแบบนี้แหละค่ะฝรั่งเรียกว่า Click Bait หมายถึงคลิกที่เป็นเหยื่อล่อ กระตุ้นความสนใจให้คนอ่านอยากเข้าไปอ่านต่อในลิงค์ วัตถุประสงค์สำคัญก็คือสร้างยอด Traffic ให้ Google เห็นนั่นเอง</div>
<div>
<br /></div>
<div>
เราเองในฐาน Blogger ควรจะเรียนรู้วิธีเขียนโปรยหัวแบบเหยื่อล่อแบบนี้มั่ง แต่อย่าให้ฮาร์ดคอร์นักนะคะ สมมติว่าเราอยากเขียนโปรโมทสบู่ซักยี่ห้อ แทนที่จะบอกว่าถูแล้วจักกะแร้ขาวชัวร์ๆ แม่ค้าเอาหัวเป็นประกันคลิกเล้ยยย ยอดคนคลิกก็อาจจะไม่มากเท่่าไหร่ แต่ถ้าเขียนทำนองว่า "หนูเคยมีปัญหาจักกะแร้ดำ เพื่อนล้อจนอาย ไม่อยากใส่เสื้อแขนกุด จนมาเจอสมุนไพรใกล้ตัวที่มองข้าม ทำให้กลับมามั่นใจอีกหน" แล้วแนบลิงค์ไป</div>
<div>
<br /></div>
<div>
วิธีนี้ถ้าเขียนโดนใจคนมีปัญหาเรื่องจักแร้ที่อยากจะแก้ไข มีโอกาสที่เค้าจะคลิกเข้าไปดูมากกว่าเขียนวิธีแรกชัวร์ๆ นะ</div>
<div>
<br /></div>
<h3>
3. ทำโพสให้น่าสนใจ และให้มีประโยชน์</h3>
<div>
หลังจากที่มีผู้อ่านคลิกเข้ามาแล้วนะคะ โพสของเราก็ควรเป็นโพสที่มีประโยชน์ด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกะสาวที่เจอกับเด็กข้างบน ถูกไหมคะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
โพสที่ดีต้องมีประโยชน์กับคนอ่าน <b><u>"ไม่ใช่"</u></b> ประโยชน์กับคนเขียน ยิ่งโพสมีประโยชน์กับคนอ่านมากเท่่าไหร่ คนอ่านก็มีแนวโน้มจะแชร์และแชร์และแชร์มากเท่านั้น โดยที่เราไม่ตังเสียตังให้น้องมาร์ครวยขึ้นแต่อย่างใดเลยค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดังนั้นต้องท่องไว้ว่า ไหนๆ จะเสียเวลาเขียนโพสแล้ว โพสต้องมีประโยชน์ด้วยนะคะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ยกตัวอย่างเช่น อยากพาลูกไปกินข้าวอร่อยที่ห้างแถวบ้าน เขียนแบบนี้จะมีใครจะสนใจเท่าไหร่ถูกไหมคะ แต่ถ้าเราเขียนว่า "รวมร้านเด็ด ร้านอร่อย ถูกปากเด็กวัย 5 ขวบ ย่านศรีนครินทร์" เขียนแบบนี้คุณแม่ทั้งหลายที่มีลูกอายุ 5 ขวบ ถ้าบ้านอยู่แถวนั้นรับรองได้ว่าอยากอ่าน อยากดูแน่นอน ยิ่งถ้าเรามีรูปประกอบ บรรรยกาศร้าน คอมเม้นท์จากเรา ฯลฯ ยิ่งทำให้โพสแบบนี้มีคุณค่าที่ (ผู้อ่าน) คู่ควรจะแชร์ต่ออย่างยิ่งค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ลองดูกันนะคะทุกคน อย่าเพิ่งเขียน Blog แล้วยอมแพ้นะคะ^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลินกำลังจะมีคอร์สสร้างเงินล้านจากงานเขียน อีกครั้งในวันที่ 13 กพ. และอีกเช่นเคยคราวนี้หลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษคุณอั้ม สุรเดช วิศวกรไฟฟ้าที่ออกมาเป็นนายตัวเองด้วยการทำหนังสือ eBook ขายในเว็บไซด์ตัวเองชื่อ<a href="http://www.asuradech.com/" target="_blank"> http://www.asuradech.com/</a> และต่อยอดเป็นบริษัท Leader Wings</div>
<br />
<div>
<div>
<a href="http://www.leaderwings.co/">http://www.leaderwings.co/</a> รับผลิตและขายความรู้ใน platform ของ eBook, vdo และหนังสือเสียง</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ความน่าสนใจอีกอย่างคือคุณอั้มสามารถระดมทุนผ่านเฟสส่วนตัวเพื่อมาตั้งบริษัท Leader Wings ในยอดเกือบ 1 ล้านบาทในเวลา 1 เดือน!!</div>
<div>
<br /></div>
<div>
มาติดตามคุณอั้มแชร์ประสบการณ์ดีๆ ในเส้นทางธุรกิจ info business และได้ passive income ด้วยได้ในคอร์สวันที่ 13 กพ.นี้นะคะ <a href="http://bit.ly/1nCT1xe">http://bit.ly/1nCT1xe</a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดูภาพคอร์สล่าสุดที่นี่เลยค่าา <a href="http://bit.ly/1NZrpHx">http://bit.ly/1NZrpHx</a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลิน^^<br />
<br />
<h3>
เรียนเขียน เพื่อขายกับ Amazon</h3>
<h3>
ทำหนังสือเองเพื่อขาย ในตลาดหนังสือ eBook ในไทยและต่างประเทศ โดยไม่ต้องพึ่งสำนักพิมพ์ ผ่าน amazon kindle store ตลาด ebook ที่ใหญ่ที่สุดในโลก</h3>
</div>
</div>
<br />
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-69182260115431247232016-01-26T19:14:00.000+07:002016-02-08T16:49:01.081+07:005 วิธีโปรโมทผลงานตัวเองผ่าน Facebook ไม่ยากเลยค่ะ^^สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกครั้งนะคะกับบทความดีๆ ส่งเสริมสนับสนุนนักเขียนอย่างเราให้สามารถทำงานเขียนได้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะวิธีเขียน วิธีขาย และวิธีโปรโมทตัวเอง^^<br />
<br />
โพสนี้ก็เป็นอีกครั้งค่ะที่หลินอยากแนะนำมากๆ ค่ะสำหรับนักเขียนมือใหม่ ที่หลังจากมีผลงานหรือกำลังมีผลงานของตัวเองแล้ว อยากหาวิธีโปรโมทตัวเองผ่าน facebook จะทำยังไงดี?<br />
<br />
ติดตามวิธีโปรโมทตัวเองผ่าน facebook ได้ในโพสนี้ค่าาาา^^<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjevkpRSBYxbCA53w7NDv7OGuNb5voRPYdJvObPv0RwYb6BUq-gga6dQO_BvvuinAXDli2pMLDV87rhGuF4y6l1MoWqdV4ABRzsLo1Y7SRsbeBWhAG7j89rmb5jS46Cb6i1884hFghtw_3M/s1600/icons-842893_1280.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjevkpRSBYxbCA53w7NDv7OGuNb5voRPYdJvObPv0RwYb6BUq-gga6dQO_BvvuinAXDli2pMLDV87rhGuF4y6l1MoWqdV4ABRzsLo1Y7SRsbeBWhAG7j89rmb5jS46Cb6i1884hFghtw_3M/s400/icons-842893_1280.png" width="400" /></a></div>
<h3>
<br /><br /><b>1. เข้าใจความต่างระหว่าง personal account ของตัวเองใน facebook กับ facebook fanpage</b></h3>
เวลาเรามี account ของเราเองใน facebook มีข้อดีคือเราสามารถไปเปิด fanpage ได้ ซึ่งตัว fanpage นั้นดีกว่า account ตรงที่สามารถทำโฆษณาแบบเสียตังค์ได้ (facebook ad) ตั้งเวลาโพสได้ ย้อนหลังก็ได้ แต่ข้อเสียคือโอกาสที่คนที่ Like page จะเห็นโพสของเราทั้งหมด (organic reach) จะน้อยกว่าโพสมาจาก account ของเราเองค่ะ สาเหตุก็เพราะพี่มาร์คต้องการให้เราเสียตังค์นิเอง = ='<br />
<br />
ดังนั้น ที่ใช้กันบ่อยๆ คือใช้ควบคู่กันไประหว่าง account ของเราเองและ facebook fanpage โพสไหนเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ ก็ใช้ fanpage ไป โพสไหนไม่ได้โฆษณาแรงจ๋าไป เขียนแบบซอฟท์หน่อยๆ ไม่ได้ hard sales มากก็ใช้ account ของเราเองสลับกันไปได้ค่ะ<br />
<h3>
<br /><b>2. ใช้รูปปกหนังสือโปรโมทก็ดีนะ</b></h3>
ถ้าเราเป็นนักเขียนก็สามารถใช้รูปหน้าปกหนังสือของเราในการโปรโมทโพสได้ค่ะ ข้อแนะนำคือถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลายอย่าง หรือหนังสือหลายเล่ม ควรจะทำการโปรโมทผ่าน facebook เรื่องเดียวหรือเล่มเดียวในช่วงเวลาหนึ่ง อย่าทำหลายเรื่องๆ หลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เพราะไม่งั้้นคนซื้อจะงงว่าจะซื้ออะไรดี ซื้ออะไรแน่ เพราะต้องยอมรับว่าถ้าไม่ใช่แฟนพันธ์ุแท้ของเราจริงๆ เค้าจำไม่ได้หรอกค่ะว่าเรามีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ newsfeed ของแต่ละคนเยอะมากๆ<br />
<h3>
<br /><b>3. สร้างกรุ๊ปใน facebook หรือไม่ก็ join ในกรุ๊ปอื่นๆ </b></h3>
เดี๋ยวนี้เราจะเห็นกรุ๊ปใน facebook เยอะแยะมากเลยนะคะ ไม่ว่าเป็นกรุ๊ป <span style="color: blue;"><a href="https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/" target="_blank"><span style="color: blue;">ตลาดซื้อขายบทความ E-book</span></a> </span> หรือกรุ๊ป<a href="https://www.facebook.com/groups/856528511057511/" target="_blank"><span style="color: blue;">งานเขียน ebook</span></a> อีกเทคนิคนึงที่ใช้การสร้าง connection คือสร้างกรุ๊ปพวกนี้ขี้นมาเองเลยค่ะ ถ้าทำแล้วกรุ๊ปประสบความสำเร็จ ก็จะมีนักเขียนคอเดียวกันมาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผลงานตัวเอง แล้วก็ได้โฆษณาหนังสือของเราไปด้วย<br />
<br />
แต่ถ้าคิดว่าสร้างกรุ๊ปขึ้นมาแล้วคิดว่าไม่สามารถดูแลได้ ใช้วิธีไป join ในกรุ๊ปอื่นๆ ที่เกี่่ยวข้องกับงานเขียนของเราก็ได้ค่ะ หมั่น active บ่อยๆ จะช่วยสร้าง connection ให้กับเราได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ<br />
<br />
<h3>
<b>4. โฆษณาอย่างมีลิมิต</b></h3>
แน่นอนเมื่อเราทำโฆษณาผ่าน fanpage ได้ ก็อย่าทุ่มโฆษณาเยอะมากๆ และเนื้อหาซ้ำกันบ่อยๆ ในทุกๆโพส เพราะว่าจะสร้างความรำคาญให้กับคนอ่านมากกว่าสร้างความอยากซื้อแน่นอนค่ะ เราจะอาจจะเจอ Unlike ได้ ควรมีจังหวะการลงโฆษณา จังหวะที่ไม่ลง เว้นวรรคด้วยลงโพสที่มีประโยชน์กับคนอ่าน ที่สำคัญลงโฆษณาเสียตังค์เยอะๆ เนี่ยพี่มาร์คจะรวยเอาคนเดียวนะคะ อิ อิ<br />
<h3>
<br /><b>5. เลือกกลุ่มเป้าหมายในการลงโฆษณาให้ถูก</b></h3>
เวลาเราลงโฆษณาแบบเสียเงินใน fanpage เนี่ย เราสามารถตั้งค่าให้คนอ่านเห็นโฆษณาของเราได้ ยิ่งถ้าตัวเลขประมาณการคนเห็นเยอะ เงินเราก็จะเสียเยอะหรือหมดเร็วด้วย<br />
<br />
จริงๆ แล้วหลินคิดว่าตั้งค่า facebook ad เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตรงเป้าของเราจะดีกว่าหว่านแหค่ะ เพราะนอกจากจะเสียเงินค่าโฆษณาน้อยกว่าแล้ว ยังตรงกับว่าที่คนอ่านที่จะซื้อหนังสือของเราด้วย แรกเริ่มอาจจะทดลองลงโฆษณาสัก 100 บาท แล้วลองตั้ง target ดู target ไหนผลตอบรับดี Like เยอะหรือหนังสือเราขายได้ ถือว่าเรามาถูกทาง ค่อยลองอีกสัก 100 บาทถัดไปค่ะ ปกติหลินใช้งบประมาณอยู่ที่ 100 บาทต่อการโฆษณา 3 วันเป็นค่าเฉลี่ยค่ะ<br />
<br />
นอกจากโพสนี้แล้ว หลินได้เขียนโพสเรื่องเทคนิคโปรโมทสำหรับนักเขียนมือใหม่ไว้ที่ลิงค์นี้ด้วย อ่านคู่กันแล้วคิดว่าจะมีประโยชน์มากขึ้นนะคะ^^ คลิกที่นี่เลยยย <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/09/5_21.html" target="_blank"><span style="color: blue;">5 เทคนิคโปรโมทตัวเองสำหรับนักเขียนมือใหม่!!</span></a><br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
หลินกำลังจะมีคอร์สสร้างเงินล้านจากงานเขียน อีกครั้งในวันที่ 13 กพ. และอีกเช่นเคยคราวนี้หลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษคุณอั้ม สุรเดช วิศวกรไฟฟ้าที่ออกมาเป็นนายตัวเองด้วยการทำหนังสือ eBook ขายในเว็บไซด์ตัวเองชื่อ <a href="http://www.asuradech.com/">http://www.asuradech.com/</a> และต่อยอดเป็นบริษัท Leader Wings<br />
<a href="http://www.leaderwings.co/">http://www.leaderwings.co/</a> รับผลิตและขายความรู้ใน platform ของ eBook, vdo และหนังสือเสียง<br />
<br />
ความน่าสนใจอีกอย่างคือคุณอั้มสามารถระดมทุนผ่านเฟสส่วนตัวเพื่อมาตั้งบริษัท Leader Wings ในยอดเกือบ 1 ล้านบาทในเวลา 1 เดือน!!<br />
<br />
มาติดตามคุณอั้มแชร์ประสบการณ์ดีๆ ในเส้นทางธุรกิจ info business และได้ passive income ด้วยได้ในคอร์สวันที่ 13 กพ.นี้นะคะ <a href="http://bit.ly/1nCT1xe">http://bit.ly/1nCT1xe</a><br />
<br />
ดูภาพคอร์สล่าสุดที่นี่เลยค่าา <a href="http://bit.ly/1NZrpHx">http://bit.ly/1NZrpHx</a><br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-34714665613431004892016-01-12T14:40:00.000+07:002016-01-12T16:04:10.501+07:00ขายหนังสือเองง่ายจริงๆ^^สวัสดีค่ะพลพรรคนักเขียนทุกคน หลินต้องขออภัยด้วยนะคะที่ห่างหายจากเพจไปสักช่วงนึง พอดีช่วงนี้หลินเพิ่งจะออกหนังสือ eBook ภาษาจีนของตัวเองอีกเล่ม พร้อมกำลังจะมีคอร์สสัมมนาภาษาจีนของตัวเองด้วย เลยทำให้ความถี่ของ Blog นักเขียนน้อยลงไปบ้าง ยังไงก็ฝากติดตามกันเรื่อยๆ เหมือนเดิมนะคะ หลินสัญญาว่าจะหาข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับนักเขียนมาอัพต่อๆ ไปค่ะ เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับนักเขียนและ (ว่าที่) นักเขียนทุกคนอย่างแน่นอน<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBEXPO3FqbHENeWUaEZDyOAj5x83UkB-s4GaSk64uMG-RFLsvoAwaSvwCPKC9zyfufos2PJ3r4Wkm3uPE-WfhwZpDJX950CciPeXPfOA9qwetFMWS0ztWHLTfaUNRskem4zNHjkL5vR-Ev/s1600/ebook-1047993_1280+copy.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="432" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBEXPO3FqbHENeWUaEZDyOAj5x83UkB-s4GaSk64uMG-RFLsvoAwaSvwCPKC9zyfufos2PJ3r4Wkm3uPE-WfhwZpDJX950CciPeXPfOA9qwetFMWS0ztWHLTfaUNRskem4zNHjkL5vR-Ev/s640/ebook-1047993_1280+copy.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้หลินเพิ่งออกหนังสือ eBook ของตัวเองไปอีกเล่ม เลยได้ข้อมูลหลายๆ อย่างที่อยากมาแชร์ในวันนี้ค่ะ ว่าเดี๋ยวนี้ทำหนังสือขายเองมันง่ายมากกกๆๆ ไม่ยากเลยจริงๆ ที่เราจะมีหนังสือสักเล่ม หลินอยากเน้นว่าแบบไม่ต้องมี connection แบบไม่ต้องง้อใคร แบบไม่ต้องมีเส้น แบบไม่ต้องดัง ฯลฯ เหมือนอย่างหลินก็ขายได้นะคะ<br />
<br />
ติดตามช่องทางขายหนังสือ ขายเองแบบง่ายๆ ได้ในโพสนี้ค่ะ^^<br />
<br />
ตอนนี้ช่องทางขายหนังสือในเมืองไทยทั้ง eBook และหนังสือเล่มมีหลายช่องทางเลยค่ะ แบ่งง่ายๆ เป็น 2 แบบคือ ช่องทางแบบดั้งเดิม กับ ช่องทางออนไลน์ (อันนี้เรียกเอง แบ่งเองนะคะ อิ อิ) ช่องทางแบบดั้งเดิมคือร้านหนังสือต่างๆ กับแบบออนไลน์ ก็คือเว็บไซด์ platform ขายหนังสือยี่ห้อต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านหนังสือแบบดั้งเดิมก็ลงมาเล่นออนไลน์กันด้วยแล้วนะ<br />
<br />
วันนี้มาโฟกัสช่องทางออนไลน์ที่นักเขียนอิสระอย่างเราๆ ทำเองได้ง่ายจัง ว่ามีช่องทางไหนบ้างนะคะ และทุกช่องทางที่คุยกันวันนี้ ต้อนรับนักเขียนอิสระอย่างเราๆ ค่ะ (หลินทำลิงค์ไว้ในแต่ละชื่อยี่ห้อแล้วค่ะ คลิกดูได้ทันที)<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDsAOOjxPnDzu2KDujw73bN893PI8tXY8YQ7F1i-LdBGITA_weS6yEXt8t0oU9eSzGcOnTSXppz0ex7mb-5MUuO9azL9eNYjN5F7Z0xQBhJOSK6p9zUy5LvZ0Zi3BV6NKK9kquTiOcsT0_/s1600/flipped-ebook.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDsAOOjxPnDzu2KDujw73bN893PI8tXY8YQ7F1i-LdBGITA_weS6yEXt8t0oU9eSzGcOnTSXppz0ex7mb-5MUuO9azL9eNYjN5F7Z0xQBhJOSK6p9zUy5LvZ0Zi3BV6NKK9kquTiOcsT0_/s640/flipped-ebook.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<h3>
<span style="font-size: large;">อันดับ 1 <a href="http://www.ookbee.com/" target="_blank"><span style="color: blue;">Ookbee</span></a></span></h3>
ไม่ต้องพูดกันเยอะมากสำหรับยี่ห้อนี้ในวงการ eBook เค้า positioning ตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ทีสุดในไทยค่ะ<br />
<br />
วิธีการสมัครก็ง่ายสุดๆ แค่เข้าไปที่ปุ่ม Writer ซึ่งผูกกับ facebook ก็สมัครได้แล้วค่ะ สมัครแล้วก็อัพหนังสือโหลดขายได้ทันที ใช้เวลาอนุมัติ 1 อาทิตย์ ค่าดำเนินการตอนนี้ Ookbee ไม่คิด แต่คิดค่าระบบปฏิบัติการที่ลูกค้าโหลด เช่น apple, IOS, android ซึ่งสัดส่วนไม่เท่ากัน (apple คิดแพงสุด)<br />
<br />
ยิ่งถ้าหนังสือเราขายใน Ookbee แล้วขายดี ต่อยอดไปเป็น Ookbee Buffet, audio book ทำหนังสือเล่มขาย ทำแคมเปญระดมทุน <a href="http://creative.ookbee.com/" target="_blank"><span style="color: blue;">http://creative.ookbee.com/</span></a> ได้อีกด้วยค่ะ<br />
<br />
<h3>
<span style="font-size: large;">อันดับ 2 <a href="https://www.mebmarket.com/" target="_blank"><span style="color: blue;">Mebmarket</span> </a></span></h3>
Mebmarket มีจุดเด่นคือเป็นตลาดขายนิยายที่ใหญ่มาก สมัครง่ายเหมือนกันเลยค่ะ ผูกกับ facebook ก็ได้ สำหรับหลิน หลินว่า Meb ดีตรงที่อ่านผ่านคอมพิวเตอร์ได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านผ่าน app อย่างเดียว เพราะบางคนไม่ถนัดอ่านผ่าน smartphone แถมยังมีตัวอย่างหนังสือ (sample) ให้อ่านผ่านคอมพ์ได้ Smartphone ก็ได้ด้วย (ตัวอย่างหนังสือของ Ookbee ต้องอ่านผ่าน app Ookbee เท่านั้นค่ะ)<br />
<br />
ทีเด็ดของ Ookbee และ Mebmarket อีกอย่างคือ "ลิงค์ช่วยขาย" ลิงค์นี้จะทำงานเหมือนเราเป็น "นายหน้า" กินค่าคอมมิชชั่นในการขายหนังสือของเรานั่นเอง ถ้ามีลูกค้าซื้อหนังสือผ่านลิงค์นี้ของเรา เราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นในการช่วยขายหนังสือเล่มนี้ นอกจากเหนือจากผลประโยชน์ค่าลิขสิทธิ์ในฐานะเป็นนักเขียนด้วยค่ะ^^ เจ๋งสุดๆ ไปเลยนะคะ<br />
<br />
<h3>
<span style="font-size: large;">อันดับ 3 <a href="http://writer.naiin.com/" target="_blank"><span style="color: blue;">Naiin Writer</span></a> (นายอินทร์)</span></h3>
นายอินทร์ Writer มาจากร้านหนังสือนายอินทร์นั่นเองค่ะที่มาจับตลาด eBook ด้วย สามารถโหลดไฟล์หนังสือขายเองได้ สั่งปริ้นท์เป็นเล่มกับนายอินทร์ก็ได้ ที่หลินทำหนังสือของตัวเองขายผ่านอินทร์ รู้สึกว่าเค้ามีเจ้าหน้าที่เอาใจใส่นักเขียนอิสระดีเลยค่ะ มีโทรศัพท์มาสอบถามเวลาเราทำกระบวนการไม่ถูก แนะนำช่วยเหลือนักเขียนอย่างเราๆ ดีมากค่ะ^^<br />
<br />
<h3>
<span style="font-size: large;">อันดับ 4 <a href="http://digital.se-ed.com/writer/loginwriter.php" target="_blank"><span style="color: blue;">Se-ed Writer</span></a> (ซีเอ็ด)</span></h3>
เช่นเดียวกันกับข้อ 4 ซีเอ็ดก็ลงมาเล่นตลาด eBook หรือออนไลน์ด้วยเหมือนกัน (เดี่ยวน้อยหน้านายอินทร์เนอะ) ในบรรดาเว็บไซด์ขายหนังสือเองยี่ห้อต่างๆ ซีเอ็ดเป็นเว็บที่ขอข้อมูลเยอะที่สุด ละเอียดที่สุดเลยค่ะ แต่เป็นการขอครั้งเดียว ถ้าผ่านแล้ว คราวหน้าโหลดเล่มใหม่ก็ไม่ต้องทำอีกค่ะ ดังนั้นคุ้มค่าที่จะทำนะคะ<br />
<br />
<h3>
<span style="font-size: large;">อันดับ 5 <a href="http://www.ebooks.in.th/" target="_blank"><span style="color: blue;">ebooks.in.th/</span></a></span></h3>
ebooks.in เป็นอีกเว็บไซด์ที่ให้โหลดหนังสือ eBook ไปขายง่ายๆ สมัครโดยผูกกับอีเมล์หรือ facebook ก็ได้ค่ะ ทีเด็ดของเว็บนี้คือมีระบบ print-on-demand ที่ไม่มีขั้นต่่ำในการพิมพ์ หมายถึงว่าแค่ 1 เล่มก็พิมพ์แล้วค่าาา เย่!แถมยังมีช่วยจัดการส่งหนังสือแพคเสร็จเรียบร้อยไปยังบ้านของลูกค้าได้ทันที โดยที่นักเขียนไม่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องสต๊อกหนังสือ-สั่งขั้นต่ำเป็นหลักร้อยเล่ม-แพคของ-ส่งของ นี่ก็เจ๋งสุด ๆ เลยนะคะ^^<br />
<br />
<br />
<br />
ได้แนวทางแล้ว อย่ารีรอรีบจัดหนังสือตัวเองมาขายด่วนๆ เลยค่ะ<br />
<br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">หลินกำลังจะมีคอร์ส<b>สร้างเงินล้านจากงานเขียน….คุณทำได้! </b>อีกครั้งในวันที่ 16 มค.นี้ค่ะ^^ (เสาร์นี้แล้วนะคะ) คราวนี้พิเศษสุดๆ เพราะหลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษด้วย คือบก. ฮีโร่ซัง เจ้าของ Group ตลาดซื้อขายบทความ E-Book จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นนักเขียนที่เริ่มจากศูนย์ด้วยค่ะ (<a href="https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/">https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/</a>)</span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;"><br /></span></span>
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">ตลาดซื้อขายเป็นบทความ เป็นตลาดที่ผู้เขียนมาขายบทความจากงานเขียนของตัวเอง และผู้ซื้อมาซื้อบทความเพื่อเอาไปประกอบการใช้งานในเว็บไซด์หรือ social media platform อื่นๆ ค่ะ มาติดตามว่าอาชีพนักเขียน นอกจากจะเขียนหนังสือแล้ว ก็ยังเอาความสามารถจากการเขียนมาเขียนบทความสั้นๆ แล้วขายในตลาดซื้อขายบทความ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ^^</span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;"><br /></span></span>
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">รายละเอียดคอร์สคลิก <a href="http://goo.gl/z3NK6M" target="_blank">http://goo.gl/z3NK6M </a></span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">ดูภาพของคอร์สที่แล้ว คลิก <a href="http://goo.gl/CmhzXa">http://goo.gl/CmhzXa</a></span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;"><br /></span></span>
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">มาเจอกันให้ได้นะคะ^^</span></span><br />
<span style="line-height: 20.79px;"><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"></span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">หลิน</span></span><br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;"><br /></span>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3Mv8oMnjKvPR5qTnvs87VsV80ZuSHXl5_AqxKiJQCCaPMM50Ulm_pNG76jSGLai0LknelYHCyWeA2M7oQUNS0LyS1OmyJnsMg_IaQxtKOGFNzJhbliPKwWrpxee8KpYSQRlTs60r1Q5RU/s1600/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="207" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3Mv8oMnjKvPR5qTnvs87VsV80ZuSHXl5_AqxKiJQCCaPMM50Ulm_pNG76jSGLai0LknelYHCyWeA2M7oQUNS0LyS1OmyJnsMg_IaQxtKOGFNzJhbliPKwWrpxee8KpYSQRlTs60r1Q5RU/s400/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-59388632693377709722016-01-07T15:53:00.000+07:002016-01-07T21:27:43.739+07:00จาก Blog สู่ Book : สร้างหนังสือจากงานเขียน Blog ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ!!สวัสดีปีใหม่นะคะ พลพรรคนักเขียนทุกท่าน ในปี 2559 นี้ หลินขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในอาชีพการงานกันทุกคนค่ะ ใครอยากเป็นนักเขียนขอให้มีผลงานหนังสือออกมาเร็วๆ มีความสุขกันมากๆ นะคะ^^<br />
<br />
กลับเข้าสู่โลกของนักเขียนอย่างเรากันต่อเลยน้า...<br />
<br />
สำหรับความฝันของนักเขียนหรือคนที่อยากจะเป็นนักเขียนอย่างพวกเรา ก็ไม่แคล้วว่าต้องอยากมีหนังสือสักเล่ม แต่ถ้าหากเราไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์มาก่อนก็คงเป็นเรื่องยากที่จะนับ 1 ใหม่ตั้งแต่แรก แต่ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเรื่องไม่ยากเท่าไหร่เลยนะคะ ถ้าหากเรามี Blog ของเราเอง และมีงานเขียนใน Blog ของเราพร้อมมืออยู่แล้ว<br />
<br />
ติดตามวิธีเขียนหนังสือจาก Blog สู่ Book : สร้างหนังสือจากงานเขียน Blog ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ!! ได้ในโพสนี้ค่ะ^^<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcI0y3KDqXaT63hVGkdgRgz710DBJ1wlDjf3Y2OdQwsHNdpRfstRicsDJ-R9e8zhNVEC9X596QozMDJxcDxYf3YZer85kpERYAZtFZkeaRsStzgOT0U2p4CiUe5XUNfoR1lWDbhOhTQHQU/s1600/wordpress-923188_1280+copy.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="426" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcI0y3KDqXaT63hVGkdgRgz710DBJ1wlDjf3Y2OdQwsHNdpRfstRicsDJ-R9e8zhNVEC9X596QozMDJxcDxYf3YZer85kpERYAZtFZkeaRsStzgOT0U2p4CiUe5XUNfoR1lWDbhOhTQHQU/s640/wordpress-923188_1280+copy.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
นักเขียนบางคนที่หลินเคยเห็น เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว วางแผนการเงิน การลงทุนอสังหาฯ เขียนเพราะใจชอบ ใจรักอยากถ่ายทอด บางคนเขียนมาเป็นปีๆ เนื้อหาใน Blog พวกนี้แหละค่ะ ที่จะมีมากพอรวบรวมหนังสือเป็นเล่มได้แน่ๆ นอกจากหนังสือจากBlog แล้วเรายังสามารถสร้างงานเงินจาก Blog ของเราได้อีกด้วยล่ะ ใครยังไม่ได้อ่านเรื่อง <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/4-blog.html" target="_blank"><span style="color: blue;">4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา</span></a> คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลย<br />
<br />
มาดูเหตุผลดีๆ ของการสร้างหนังสือจาก Blog กันค่ะ<br />
<br />
<h2>
<span style="font-size: large;"><b><u>ข้อแรก</u></b>เลย หนังสือสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้แตกต่างจาก Blog</span></h2>
พูดง่ายๆ ก็คือ กลุ่มคนอ่าน Blog กับกลุ่มคนอ่านหนังสือไม่ได้เป็นกลุ่มคนเดียวกันซะทั้งหมด บางคนไม่ชอบเทคโนโลยีก็ไม่อ่าน Blog ,ไม่ชอบอ่านจากจอคอมหรือมือถือก็ไม่อ่าน Blog , บางคนยังชอบความรู้สึกจากการจับต้องหนังสือพลิกกระดาษอ่านก็ไม่อ่าน Blog<br />
<br />
ดังนั้น การที่ผลงานของเราเป็นหนังสือ (หรืออย่างน้อยเป็น eBook print on demand) ช่วยให้ผลงานของเราเข้าถึงคนอ่านได้มากขึ้น ไม่ถูกจำกัดด้วยการที่ต้องรู้เรื่อง IT หรือแม้แต่สไตล์คนอ่านแบบอนุรักษ์นิยมที่ชอบอ่านจากกระดาษค่ะ<br />
<br />
<h2>
<span style="font-size: large;"><b><u>ข้อสอง</u></b> หนังสือสร้างเครดิตให้ผู้เขียน</span></h2>
อันนี้ชัดเจนมากๆ เลยนะคะ คนดังๆ หลายคนต้องการมีผลงานหนังสือ เป้าหมายไม่ได้มุ่งรายได้จากการขายอย่างเดียวแต่อยากให้หนังสือเป็นส่วนหนึ่งของ portfolio ของเค้าต่างหาก<br />
<br />
นอกจากนี้ บางคนก็ทำกลับข้างกันคือให้หนังสือเป็นทัพหน้า เป็นตัวนำเมื่อทำหนังสือสำเร็จแล้วก็ต่อยอดไปอย่างอื่นๆ<br />
<br />
<br />
<h2>
<span style="font-size: large;"><b><u>ข้อสาม</u></b> หนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้เนื้อหาฃองเรา</span></h2>
เมื่อเขียน Blog ไปเรื่อยๆ เยอะมากเข้า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คนอ่าน Blog ของเราไม่ได้อ่านโพสอันแรกๆ ของเรา เพราะว่ามันตกไปไกลแล้ว และถึงแม้ว่า Blog จะมีฟังก์ชั่นค้นหา หรือมีการจัดหมวดหมู่ มันซึ่งช่วยได้แค่ในระดับหนึ่ง<br />
<br />
สาเหตุเพราะผลการค้นหาไม่สามารถเรียงลำดับเรื่องราวที่ควรอ่านก่อนหลังได้ และก็ต้องยอมรับว่าคนอ่านก็ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นค้นหาทุกคนหรอกค่ะ<br />
<br />
<br />
ดังนั้น การรวบรวมงานเขียนมาเป็นหนังสือ เราสามารถหยิบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกัน มาเรียงลำดับเรื่องราวก่อนหลัง เพิ่มเติมเนื้อหาให้ทันสมัยขึ้น ทำให้เนื้อหาที่เราอยากนำเสนอได้ผ่านสายตาคนอ่านอย่างที่ตั้งใจ หัวข้อนี้จึงบอกว่าหนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้เนื้อหาของเราแบบนี้ค่าา<br />
<br />
ซึ่งวิธีการรวบรวมจาก Blog ให้เป็นหนังสือนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ มีด้วยกันง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ดังนี้ค่ะ<br />
<br />
<h3>
<u>1. รวบรวมโพสเก่าๆ ของเราไว้ในที่เดียว</u></h3>
จากนั้นก็เริ่มคัดเลือกโพส อันไหนควรจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ อันไหนเนื้อหาเก่าไปแล้วต้องปรับปรุง อันไหนควรเอามาเพิ่มเติม ปรับปรุง แก้ไข<br />
<br />
<h3>
<u>2. เตรียมหา </u><u>"</u><u>คนอื่่น" มาช่วยอ่าน</u></h3>
เป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ที่เราเขียนหนังสือเอง อ่านเอง ตรวจเอง แล้วว่าดีทุกอย่าง ไม่น่ามีอะไรแก้แล้ว แต่พอเวลาผ่านไป กลับมาอ่านอีกที เฮ้ย..ตรงนี้ทำไมเขียนแบบนี้ ตรงนี้น่าจะแก้นะ ว้า..ไม่น่าเลย<br />
<br />
ดังนั้น สำคัญมากๆ ค่ะที่เราจะมีคน "อื่นๆ" มาช่วยอ่านให้อีกที ถ้าทำแบบเป็นเรื่องเป็นราว บางคนก็จ้าง "บรรณาธิการ" ช่วยอ่านแบบจ่ายเงิน ถ้างบเรายังไม่มากพอ อย่างน้อยก็ควรมีเพื่อน พี่ น้อง หรือคนใกล้ตัวมาช่วยอ่าน อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าอ่านคนเดียวอย่างแน่นอนค่ะ<br />
<br />
อีกเคล็ดลับนึง คือหลังจากเขียนเสร็จแล้วควรทิ้งช่วงสักระยะหนึ่งก่อน แล้วค่อยมาอ่านใหม่ จากนั้นค่อยกระจายให้คนอื่นๆ อ่านตามลำดับค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้งานเขียนเราลื่นไหลขึ้น เพราะถ้าเราอ่านซ้ำๆ บ่อยๆ ทุกๆ วัน เราจะมองไม่เห็นว่าอันไหนควรแก้ไข<br />
<br />
<h3>
<u>3. ลงทุนกับ "ปก"</u></h3>
มีประโยคที่ว่า "ปกหนังสือเป็นรักแรกพบของคนซื้อ" หลินว่าก็มีส่วนจริงอยู่มากค่ะ หลายคนตัดสินใจซื้อหนังสือเพราะปกสวย (แต่มาเขวี้ยงทิ้งทีหลังว่าเนื้อหาไม่ดีนี่เป็นอีกเรื่องนึงเนอะ แหะๆ) ดังนั้น ถ้าในช่วงเริ่มต้นเรายังไม่มีทุนมาก หลินแนะนำว่าเงินทุนที่ไม่มากนี้เอามาจ้างทำปกสวยๆ ดีกว่าค่ะ ค่าจ้างทำปกอยู่ที่ 1,500 บาทขึ้นไป<br />
<br />
แต่ถ้าเรายังไม่พร้อมจริงๆ หลินแนะนำว่าทำปกสไตล์ง่ายๆ แบบดูดี ปกที่มีตัวอักษรใหญ่ๆ อยู่ตรงกลางภาพ ส่วนภาพประกอบใช้จากเว็ปภาพฟรีก็ได้ค่ะ ลองดูลิงค์นี้นะคะ (แหล่งรวมภาพฟรีมีอยู่จริง แนะนำ14 websites รูปฟรีสุดเจ๋ง <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/07/14-websites.html"><span style="color: blue;">http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/07/14-websites.html</span></a>)<br />
<br />
คราวนี้ก็ได้เวลาลงมือเขียน Blog กันแล้วค่ะ^^<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
<br />
ฝากข่าวนิดนึงค่ะ<br />
<br />
หลินกำลังจะมีคอร์ส<b>สร้างเงินล้านจากงานเขียน….คุณทำได้! </b>อีกครั้งในวันที่ 16 มค.นี้ค่ะ^^ คราวนี้พิเศษสุดๆ เพราะหลินมีแขกรับเชิญคนพิเศษด้วย คือบก. ฮีโร่ซัง เจ้าของ Group ตลาดซื้อขายบทความ E-Book จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นนักเขียนเิร่มจากศูนย์ด้วยค่ะ (<a href="https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/groups/thaicontentmarket/</span></a>)<br />
<br />
ตลาดซื้อขายเป็นบทความ เป็นตลาดที่ผู้เขียนมาขายบทความจากงานเขียนของตัวเอง และผู้ซื้อมาซื้อบทความเพื่อเอาไปประกอบการใช้งานในเว็บไซด์หรือ social media platform อื่นๆ ค่ะ มาติดตามว่าอาชีพนักเขียน นอกจากจะเขียนหนังสือแล้ว ก็ยังเอาความสามารถจากการเขียนมาเขียนบทความสั้นๆ แล้วขายในตลาดซื้อขายบทความ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ^^<br />
<br />
สนใจเข้าร่วมคอร์สคลิก <a href="http://goo.gl/z3NK6M" target="_blank"><span style="color: blue;">http://goo.gl/z3NK6M </span></a><br />
ดูภาพของคอร์สที่แล้ว คลิก <a href="http://goo.gl/CmhzXa"><span style="color: blue;">http://goo.gl/CmhzXa</span></a><br />
<br />
มาเจอกันให้ได้นะคะ^^<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-59339452768222988442015-12-14T17:20:00.000+07:002015-12-14T21:23:41.814+07:005 วิธีการสร้าง Blog ให้เติบโต <h1 class="entry-title" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 2.25rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
5 วิธีการสร้าง <span style="font-size: 2.25rem; line-height: 1.2;">Blog ให้เติบโต</span><span style="font-size: 2.25rem; line-height: 1.2;"> </span></h1>
<div>
ถ้าจำกันได้หลินได้เคยเขียน 4 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา ไปเมื่อโพสก่อนนะคะ (ติดตามอ่านคลิก <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/4-blog.html"><span style="color: blue;">http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/12/4-blog.html</span></a> ) คราวนี้สมมติว่าเราเปิด Blog เพื่อชิมลางตลาดแนวหนังสือที่เราสนใจแล้ว เราจะทำยังไงให้ Blogของเราเติบโตดีๆ มีคนเข้ามาอ่านเยอะๆ ล่ะ??<br />
<br />
สำหรับตัวหลินเองมี Blog หลักๆ อยู่ 2 Blog ค่ะ คือ Blog นี้ (ยอดวิว 24,000+) กับ Blog เรียนจีน ให้ได้จีน <a href="http://chinesexpert.blogspot.com/"><span style="color: blue;">http://chinesexpert.blogspot.com/</span></a> (ยอดวิวที่ประมาณ 380,000+)<br />
<br />
คำถามคือว่าการที่มียอดวิวเยอะๆ ใน Blog หรือเทียบได้กับยอดไลค์เยอะๆ ในเฟสดียังไงนะ??<br />
<br />
มีข้อดีเยอะเลยค่ะ แต่ข้อที่สำคัญมากๆ กับอาชีพนักเขียนคือ ถ้าเรามียอดวิว ยอดไลค์ ยอดแชร์เยอะๆ แปลว่าเรามีฐานแฟนคลับของเราเอง แฟนคลับกลุ่มนี้พูดง่ายๆ ก็คือลูกค้าของเรา เป็นกลุ่มที่จะฟีดแบกหรือคอมเม้นท์ว่างานเขียน หรือโพสของเราดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ อ่านหรือไม่อ่าน และถ้าในอนาคตเรามีหนังสือใหม่ๆ ออกมา เค้าจะสนับสนุน จะชอบ และสุดท้ายจะซื้อด้วยหรือเปล่า??<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghc22yC5T95Ia9ef_wBKBV3eMqdgzNendOhXbrg0D4IryDOr-wCYZdqOShIxG4yvp_q03_0kDHXuRfuu0ap8oPRqJCuqJ19fJANK3pEzs-g1IhR9xogcmqtR1D8V0X6n53jQ8WlQHNwY_o/s1600/laptop-593673_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="411" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghc22yC5T95Ia9ef_wBKBV3eMqdgzNendOhXbrg0D4IryDOr-wCYZdqOShIxG4yvp_q03_0kDHXuRfuu0ap8oPRqJCuqJ19fJANK3pEzs-g1IhR9xogcmqtR1D8V0X6n53jQ8WlQHNwY_o/s640/laptop-593673_1280.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<br />
ดังนั้น การเขียน Blog จริงๆ แล้วไม่ยากนะคะ Blogspot เปิดแป๊ปเดียวก็ได้แล้ว สำคัญคือทำยังไงให้เนื้อหาโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ให้เค้าติดตามอยากอ่าน และสุดท้ายนำมาสู่การซื้อหนังสือหรือผลิตภัณฑ์ของเราในอนาคตค่ะ^^<br />
<br />
และเมื่อ Blog เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่สำคัญอย่างนี้เองงงงง (ต้องทำเสียงลากๆ แบบทีวีแชมเปี้ยนจะได้อารมณ์มากขึ้นค่ะ อิ อิ) วันนี้หลินเลยมีแนวทางการเขียน Blog ที่จะทำให้ Blog เติบโตมาฝากกัน<br />
<br />
ติดตามนะคะ^^<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<h2 dir="ltr" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
1. เขียนให้ดี </h2>
</div>
<div>
เขียนให้ดี?? พูดง่ายแต่ทำยากเหมือนกันนะ เขียนยังไงคือเขียนให้ดี เราก็ว่าเราเขียนดีแล้วนะ ทำไมไม่โดน?<br />
<br />
ถ้ายังติดขัดกับปัญหาข้างบน ลองเทคนิคที่หลินใช้ดูค่ะ<br />
<br />
<ul>
<li>เขียนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย อย่าใช้ศัพท์แสงที่วิชาการจ๋า (ถึงแม้ว่าจะมี) ซะจนผู้อ่านของเราไม่รู้เรื่อง </li>
<li>เรื่องที่เราเขียนต้องมีคุณค่า มีประโยชน์และผู้อ่านชอบค่ะ จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ แนว How to เสริมสร้างความรู้ หรือแม้แต่ให้ความบันเทิงได้หมด </li>
</ul>
วิธีการคือฝึกเขียนเยอะๆ ดูฟีดแบกของผู้อ่านสม่ำเสมอแล้วเอามาปรับปรุงเรื่อยๆ<br />
เมื่อเราเขียนดีมีประโยชน์ คนอ่านจะช่วยแชร์เองค่ะ ก็เพราะว่ามันมีประโยชน์ไง เค้าถึงอยากแชร์ให้เพื่อน ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง อย่างน้อยตัวคนแชร์เองก็สามารถกลับมาอ่านได้อีกรอบก่อนที่จะถูก newsfeed อื่นกลบหายไปหมด</div>
<div>
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img height="400" src="https://scontent-sin1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xat1/v/t1.0-9/12079664_896961493719722_8952517232455517373_n.jpg?oh=6d353d7a84ede9639f11da4ffacc3ca0&oe=57213CAF" width="400" /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h2 dir="ltr" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
2. <span style="background-color: transparent;">สร้างทักษะที่จำเป็นต่องานเขียน</span></h2>
</div>
<div>
งานเขียน Blog แรกๆ เลยส่วนมากแล้วจะเริ่มจากคนๆ เดียวค่ะ ซึ่งก็ต้องทำทุกอย่างซึ่งไม่ใช่แค่เขียนอย่างเดียว หารูปประกอบด้วย หา reference ที่มาของบทความด้วย ฯลฯ<br />
<br />
ซึ่งเดี๋ยวนี้สื่อออนไลน์ social media ถือว่ามีความสำคัญในการช่วยเผยแพร่ผลงานของเราให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้น ทักษะที่ Blogger ควรจะมีอย่างน้อยๆ ก็ต้องมี คือรู้ platform การเขียน Blog รู้วิธีการอัพโพส รู้เทคนิคการเลือกและแต่งรูปอย่างง่ายๆ เอาเป็นว่าความรู้เบื้องต้นพื้นฐานเราควรจะมีบ้าง</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ถ้าเก่งขึ้นมาอีกขั้น ควรรู้จักการใช้ SEO เพื่อสร้างช่องทางให้คนเห็น Blog ของเราเยอะๆ จากนั้นก็พัฒนาไปเป็น HTML และ CSS code ซึ่งจะช่วยให้เราแก่ไขปรับแต่ง Blog ของเราให้ดูดี สวยงามขึ้น มืออาชีพขึ้น<br />
<br />
แต่นั่นควรสิ่งที่ทำหลังจากที่เนื้อหาที่เป็นเรื่องหลักของเราแน่นแล้ว ดีแล้ว จึงค่อยมาคิดถึงเรื่องแต่งหน้าทาปากให้ Blog นะคะ อีกอย่างความรู้ทางเทคนิคพวกนี้ เราสามารถจ้าง freelance ทำได้ค่ะ ถ้าเราไม่มีเวลาทำเอง หรือยากเกิน แต่หลินแนะนำว่าความรู้เบื้องต้นเราต้องมีไว้ เพราะต่อให้จ้าง freelance วางระบบให้ ทำ SEO ให้แต่สุดท้ายเราก็ต้องทำเองด้วย จ้างทั้งหมดจะใช้เงินเยอะมากเกินไปค่ะ<br />
<br />
สรุป ความสำคัญตามอันดับก่อนหลังในการทำ Blog หลินแนะนำว่าควรเป็นแบบนี้<br />
<br />
พัฒนาเนื้อหาให้แน่นและความรู้เบื้องต้นทำ Blog >> SEO >>> HTML หรือ CSS code</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h2 dir="ltr" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
3. <span style="background-color: transparent;">รู้ว่า<u>ผู้อ่านของเรา</u>คือใคร</span></h2>
</div>
<div>
ไม่ว่าเราจะเขียน Blog ได้ดีมากขนาดไหน เนื้อหาแน่น ข้อมูลเจ๋ง แต่มีผู้อ่านที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็เปรียบเหมือนเราสร้างฮีตเตอร์ เครื่องทำความร้อนคุณภาพดีมากๆ แต่กลับเอามาขายกรุงเทพที่ร้อนตับแลบ (แม้กระทั่งเดือนธันวา) _ _ ' ฮีตเตอร์ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจากเอาไว้รกบริษัทเท่านั้น</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดังนั้น ทุกครั้งที่เขียนบทความอะไรๆ ก็ตาม ลองนึก ลองจินตนาการดูว่าคำถามที่ผู้อ่านจะถามอากู๋ google เกี่ยวกับเรื่องที่เราจะเขียนคืออะไร ก็ให้เราเขียนบทความนั้นเพื่อตอบคำถามที่เรา (คิดว่า) ผู้อ่านจะถามรอก่อนไว้ได้เลย<br />
<br />
เช่น เราเชี่ยวชาญเรื่องเลี้ยงปลาทอง เป็นที่รู้กันว่าปลาทองใจเสาะตายง่ายมากๆ ใครๆ ที่เคยเลี้ยงปลาทองย่อมรู้ดี สุ่ยหลินเลี้ยงตายไปหลายตู้จนเลิกเลี้ยงแล้วค่ะ ดังนั้น หนึ่งในคำถามยอดฮิตเรื่องการเลี้ยงปลาทองคือ สาเหตุอะไรที่ทำให้ปลาทองตายง่ายๆ กินมากก็ตาย (มั๊ง) น้ำไม่สะอาดนิดนึงก็ตาย (มั๊ง) หลินยังไม่รู้เลยจนถึงวันนี้ แหะๆ แล้วเขียนบทความนั้นไว้คอยท่าใน Blog ของเราเลยค่ะ เพื่อรอให้คุณผู้อ่านที่ search หาจากอากู๋แล้วติดคำตอบที่โดนใจอันนี้ของเราไว้ด้วย เค้าจะได้ตามมาอ่านใน Blog ทำให้ Blog เติบโตขึ้น หรือจะเอาไปโพสในกรุ๊ปที่เลี้้ยงปลาทองแล้วทำลิงค์มาที่ Blog ของเราก็ไม่ผิดกติกาค่ะ<br />
<br /></div>
<div>
ถ้าเรารู้ถึงความต้องการผู้อ่าน สื่อเรื่องราวให้เข้าใจง่ายๆ โดยใช้คำพื้นๆ สบายๆ จะเป็นใบเบิกทางให้เราได้รับการต้อนรับจากผู้ที่อ่านงานเขียนของเราค่ะ</div>
<div>
<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h2 dir="ltr" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
4. ทำ<span style="background-color: transparent;">โครงก่อน แลัวค่อยเติมเนื้อลงไป</span></h2>
</div>
<div>
เขียนบทความ Blog ให้ใช้หลักการเหมือนการสร้างบ้าน เริ่มจากฐานราก - เค้าโครงเรื่อง, เสา- หัวข้อ, ผนังพื้น-เนื้อหา, ทาสี - เก็บรายละเอียด <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7dLW65wcIOaoQ1Buac8ivvTXAPpPanD2FbgUZH21n2l5bE9bOuel_v0fQJ80MKLVJcO2yI-IlthU5YGerKOBeC7_a-xxP1S3IFOpsIrgbYa_3-NcObXfljeTOU1a3JlWEZ5fAR7plp-d1/s1600/blog-528455_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="426" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7dLW65wcIOaoQ1Buac8ivvTXAPpPanD2FbgUZH21n2l5bE9bOuel_v0fQJ80MKLVJcO2yI-IlthU5YGerKOBeC7_a-xxP1S3IFOpsIrgbYa_3-NcObXfljeTOU1a3JlWEZ5fAR7plp-d1/s640/blog-528455_1280.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
อย่าพยายามเขียนเนื้อหาในคราวเดียว เพราะอาจไม่ครอบคลุม ให้เน้นที่เค้าโครงเรื่องก่อน จากนั้นแตกเป็นหัวข้อให้ครอบคลุม ต่อจากนั้นค่อยใส่เนื้อหาลงไป ทำอย่างนี้จะเป็นระบบ เนื้อหาก็จะครอบคลุมไม่วกวน ผู้อ่านก็ชอบ เพราะไม่งงว่าคนเขียนจะเอายังไงกันแน่ ตกลงประเด็นไหนเนีย เขียนปลาทอง เขียนไปเขียนมาเล่าถึงทอดมันซะนี่ ><'<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h2 style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
5. ทำด้วยใจรัก เขียนในเรื่องที่ชอบ</h2>
</div>
<div>
อย่าเริ่มการเขียน Blog เพราะหวังสร้างเงินแสนเงินล้าน การเขียน Blog เป็นงานที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การที่เรามีแรงผลักดันแค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราเบื่อและเหนื่อยเร็วมาก สุดท้ายก็จอดทุกรายไป</div>
<div>
<br /></div>
<div>
แน่นอนค่ะ ถ้าหากงานเขียน Blog สามารถสร้างรายได้ก็ดีไม่น้อย แต่การมีแรงผลักดันแค่เรื่องเงินก็ไม่เพียงพอให้สำเร็จตลอดรอดฝั่ง ให้สร้างแรงผลักดันที่มาจากส่วนอื่นด้วย เช่น มาจากความชอบที่จะเขียน ชอบที่จะแชร์ ให้เป็นความหลงไหลที่สามารถนำมาสร้างเงินได้ ทำอย่างนี้ เราจะทำได้ยั่งยืนจนถึงวันที่เราประสบความสำเร็จได้นะคะ<br />
<br />
<br />
<br />
*************************<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">หลินกำลังจะมีคอร์ส </span><b style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;">สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เ</b><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">ป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค. (เสาร์นี้แล้ววว) สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon </span><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">รายละเอียดคลิก </span><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;"><a href="http://goo.gl/l8Lrgc" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/l8Lrgc</a></span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก </span><span style="background-color: white; color: blue; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;"><a href="http://goo.gl/WOyNzF" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/WOyNzF</a></span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^</span><br />
<br />
<div class="separator" style="background-color: white; clear: both; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s1600/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" imageanchor="1" style="color: #771100; margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-decoration: none;"><img border="0" height="330" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s640/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" style="border: none; position: relative;" width="640" /></a></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
*************************<div>
<br /></div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />หนังสือ "สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle" บอกทุกสเต็ปของวิธีการเอาหนังสือที่ตัวเองเขียนและเอาผลงานคนอื่นไปขายอย่างถูกกฏที่ Amazon ตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<img src="http://cdn-shop.ookbee.com/Books/ATCHARINLILIGMAILCOM/2015/20150703081817/Thumbnails/Cover.jpg" /></div>
<br />ซื้อผ่าน ookbee หรือ mebmarket ทาง app store , AIS และ web ได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ<br />Ookbee-- <a href="http://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fgoo.gl%2FN83yVK&h=DAQHh5ewLAQHHtv_i5f2FtW7iTjG_FNGjJGkOm_m-SHH0cw&enc=AZP6Eo3UptT4rFOCONMNDHQlfswJUu0ya396my4peX3MtWpTb_uKQaT3PQm3OphCo621j5rDtnq93ERn-FOLNmiW8PkIJtt9xboK4nC1BqLrk-cxBBKHHEtsMrPfZLVi5qO-dDW1XgM7HwT15riBLiJ7toVz4ZHku5tbDreAv9UZmxE9YyRD0ysU__bGq-h9IcjXVxPmxllYdGSuJOWVZ-gR&s=1">http://goo.gl/N83yVK</a><br />Meb Market-- <a href="https://www.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fgoo.gl%2FJYAvLE&h=FAQH0j1eoAQEe6504PXUJEPl79KSSAFrYg7_48WQrceMQeA&enc=AZP3YBMjyHMjwD0265RkmMr5GLrV_dbeCZC7kTimJa_GBau54OmrAZ_6AVJX-NFCG8RedVQQyEQC9KCb67iFKEasoYuJzCApJAbf3OnslyGz8qznyg511n6vhUxUZaLFzryVBkOeWPOhYBADb0GizgndzIWVPsV1igvLagPJgYfkrh0JdhsbaxKACgz9K3V2G9EZbHKXe_tXAFkR7BrYkc_c&s=1">https://goo.gl/JYAvLE</a><br /><br /><br />สนใจทดลองอ่านตัวอย่างหนังสือผ่าน Meb Market คลิ๊กlink<a href="https://goo.gl/JYAvLE">https://goo.gl/JYAvLE</a> แล้วกด Get Free Sample (ปุ่มขวาบน) หลินลงไว้ให้ 1/3 ของหนังสือเลยนะคะ อ่านจุใจเลย<br /><br />หรือใครอยากอ่านบน PC หรือ Notebook จอใหญ่ๆติดต่อมาทาง inbox ได้เลยค่ะ<br />ขอบคุณมากๆ ค่ะ ดีใจจริงๆ ที่หนังสือมีประโยชน์และคนให้ความสนใจอย่างมากกค่าา<br /><br />หลิน^^<div>
<br /></div>
<div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-8973388408394030722015-12-06T09:18:00.002+07:002015-12-06T19:20:11.705+07:004 หนทางทำเงินจาก Blog งานเขียนของเรา<h1 class="entry-title" style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 2.25rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
4 หนทางทำเงินจาก <span style="font-size: 2.25rem; line-height: 1.2;">Blog งานเขียนของเรา</span><span style="font-size: 2.25rem; line-height: 1.2;"> </span></h1>
<div>
<br />
หลายคนอาจจะมีคำถามว่าเดี๋ยวนี้ information overload ใครๆ ก็เขียน Blog เปิด Facebook Fanpage มีข้อมูลข่าวสารเยอะแยะเต็มไปหมด แถมยังหน้า Newsfeed อีกจะอ่านก็อ่านยังไม่ทัน ดังนั้น เขียน Blog ไปจะได้อะไรบ้างเนี่ย สงสัยจะเสียเวลาเปล่า? </div>
<div>
<br /></div>
<div>
ความเห็นส่วนตัวของหลินแล้ว หลินแนะนำอย่างยิ่งเลยนะคะ สำหรับคนที่อยากจะเป็นนักเขียน (ว่าที่) นักเขียน หรือสนใจอาชีพนักเขียน ว่าเราควรจะฝึกหัดงานเขียนของเรา พูดง่ายๆ หาเวทีให้งานเขียนของเรา เพราะถ้าเราเขียนไปโดยที่ไม่มีคนได้อ่าน งานมโนอาจมาว่าที่เขียนเนี่ย ดีแล้ว เจ๋งแล้ว ไม่ถามไถ่ (ว่าที่) ลูกค้าในอนาคตเลย แล้วเวลาเราออกหนังสือจริงๆ ใครจะซื้อหนังสือเราล่ะคะ?<br />
<br />
นอกจากนี้เนี่ย การเขียน Blog หรือใน Facebook Fanpage มีข้อดีตรงที่ เราสามารถหาสไตล์งานเขียนของเราที่คนอ่านชอบ โดยดูจาก feedback คนอ่านจาก Blog หรือ Fanpage ได้ ไม่ว่าจะเป็นยอด Like ยอด Engagement (คือการที่ผู้อ่านมามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา) ไม่ใช่เขียนปุ๊ป เงียบฉี่ วังเวงใจเสียเหลือเกิน และสุดท้ายคือยอด Share สมัยนี้ถ้าคนอ่านชอบเค้าจะ Share ต่อเองค่ะ เป็นการแนะนำเราให้กับเพื่อนๆ ของเค้าด้วยนะคะ^^<br />
<br />
แต่หลายคนอาจมองว่าการเขียน Blog ใช้เวลามาก มีความรู้สึกว่าท้อเพราะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันชัดเจน สรุปแล้วเราจะทำฟรีๆ หรือเปล่าล่ะเนี่ย อยากจะเลิกเสียเหลือเกิน TT<br />
<br /></div>
<div>
วันนี้หลินเลยมาจะมาแนะนำวิธีสร้างเงินจากงานเขียน Blog ของเรากันค่ะ ให้สิ่งที่เราทำไม่เสียเปล่า ติดตามกันเลยนะคะ^^<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSZpQaNmYT0cfD-sFNdNxIGr-2GuUOhCt2gt5d7AHq65_kLIQrayW2mPPAe5xxfpp0EhOL2aXUd0so6oqPS97GNTl1SMxRjxMXgjmbPGjo75rYaMMN1Gj0Q3PNusL7xdyjF5FQwEjy6XZS/s1600/wordpress-265132_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="426" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSZpQaNmYT0cfD-sFNdNxIGr-2GuUOhCt2gt5d7AHq65_kLIQrayW2mPPAe5xxfpp0EhOL2aXUd0so6oqPS97GNTl1SMxRjxMXgjmbPGjo75rYaMMN1Gj0Q3PNusL7xdyjF5FQwEjy6XZS/s640/wordpress-265132_1280.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h3 style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: "helvetica" , "arial" , sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">1. eBooks</span></h3>
</div>
<div>
รายได้ที่ง่ายที่สุดจากการเขียน Blog ก็คือรวบรวมงานเขียนของเราเป็น eBook โดยการเอาประโยชน์จาก feedback จากคนอ่านมาปรับปรุงงานเขียน เพิ่มเนื้อหาให้ทันสมัยและน่าสนใจ ส่วนไหนไม่ครบถ้วน ยังขาดๆ เกินๆ ก็เอามาปรับปรุง แล้วทำออกมาวางขายเป็น eBook </div>
<div>
<br /></div>
<div>
สิ่งที่ไม่ควรละเลยและสำคัญมากๆ ก็คือการเข้าถึงลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้อ่านของเรา ซึ่งเราเองก็สร้างมาแล้วส่วนนึงตอนเพียรเขียน Blog นั่นไงคะ เห็นไหมไม่เสียหลายเลยนะ ใครที่มีผู้ติดตามหรือแฟนคลับเยอะก็จะได้เปรียบตรงนี้ ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ใช้ช่องทาง social media และ online marketing เข้ามาช่วยค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<h3 style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: "helvetica" , "arial" , sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">2. Online Courses</span></h3>
</div>
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">หากเราเริ่มเป็นที่รู้จัก บางครั้งก็จะมีผู้ให้บริการ คอร์สออนไลน์มาติดต่อให้ทำคอร์สไปลงกับเค้าเช่น</span></div>
<div>
skilllane หรือ ตลาดปัญญา</div>
<div>
<br />
แต่หากเค้าไม่ติดต่อมา เราก็ติดต่อไปสิคะ เพราะเค้าก็ต้องการคอร์สเยอะๆ ในเว็บของเค้า เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้หลากหลายขึ้น มีทั้งอัดเองส่งให้เค้าอัพขึ้นเว็บแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน หรือเราก็จัดคอร์สสอนสดแล้วนัดให้เค้ามาอัดก็ได้ค่ะ ได้ต่อที่ 2 ล่ะ^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;"></span><br />
<h3 style="background-color: white; border: 0px; color: #333333; font-family: "helvetica" , "arial" , sans-serif; font-size: 1.5rem; font-weight: normal; line-height: 1.2; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
3. Seminars</span></h3>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</span>
<br />
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">การเขียน Blog เนี่ย พอเราเขียนไปสักพักแล้ว มีคนติดตามสนใจในเรื่องที่เรารู้ เราเชี่ยวชาญ เรายังสามารถจัดสัมมนา หรือคอร์สสอนสดได้ด้วยนะคะ เพราะมันดีต่อผู้เรียนตรงที่ถามตอบได้ทันที และบางเรื่องก็เป็นข้อจำกัดของ Blog หรือความยาวของบทความ ที่เราไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ทั้งหมดได้</span><br />
<br />
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">แม้กระทั่งหลินเอง บางครั้งก็ไม่เขียนโพสยาวมาก เพราะก็ไม่รู้ว่ามีคนสนใจเรื่องที่เรากำลังโพสหรือเปล่า หลินดูเอาว่าหากมีคนสนใจเราก็ค่อยเพิ่มเติมเนื้อหาในตอนต่อไป เป็นตอน 2 ตอน 3 ก็ว่าไป</span></div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</span>
<br />
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;"><br /></span></div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</span>
<br />
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">การสัมมนาจึงเป็นการได้มาคุยแบบเจอหน้ากัน มีอะไรก็ถามตอบได้ทันที และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราได้มาเจอกับกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกัน เป็นการสร้าง connection สำหรับทำธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันในอนาคตด้วยค่ะ^^ </span></div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
</span></div>
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;"><br /></span></div>
<div>
<span style="border: 0px; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;"><br /></span></div>
<h3>
<span style="font-weight: normal;"><span style="font-size: large;">4. </span><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "helvetica" , "arial" , sans-serif; font-size: 1.5rem; line-height: 1.2;">Affiliate Marketing</span></span></h3>
<div style="border: 0px; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
เมื่อจำนวนคนอ่าน Blog ของเรามีเยอะทำ affiliate<span style="font-family: "linux libertine" , "georgia" , "times" , serif; font-size: 28.8px; line-height: 37.44px;"> </span>ผ่าน Blog ของเราสิคะ การติด affiliate รับค่าคอมมิสชั่นจากการขายสินค้าออนไลน์ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีนะคะ แต่หลินต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เพียงอยากจะบอกว่ามีคนทำเงินจากวิธีนี้ได้จริง เลี้ยงตัวเองได้ด้วยนะ</div>
<div style="border: 0px; margin: 0px 0px 1rem; padding: 0px; vertical-align: baseline;">
พูดง่ายๆ คือเน้นพัฒนา content ของ <b> </b>Blog ให้น่าสนใจ พอมียอด Traffic เยอะๆ แล้วก็ทำ affiliate ป้ายโฆษณาสินค้าใน Blog ของเรา เวลามีคนมาซื้อของ เราก็ได้ค่าคอมฯ ค่ะ เจ๋งไหมคะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
พูดถึงตรงนี้ หลินเลยอยากขอยก case study จากน้องที่รู้จักคนนึง ที่กำลังจะออกหนังสือโดยการเริ่มจากการสร้าง Facebook Fanpage เพื่อเข้าหากลุ่มผู้สนใจ และในเวลาเดียวกันก็สามารถพัฒนางานเขียนของตัวเองให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้อีกด้วย ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะเป้าหมายของน้องคือออกหนังสือไปเรียนต่อประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้หญิงกลัวกันหนักหนาว่าอันตราย อย่าว่าแต่ไปเรียนเลยค่ะ แค่ไปเที่ยวยังกลัวจะแย่ แต่น้องมะปรางเรียนปริญญาตรีจบจากประเทศอินเดีย และจะมาเล่าให้ฟังว่าประเทศอินเดียไม่ได้เป็นอย่างที่คนไทย (และคนทั้งโลก) คิด<br />
<br />
ไปติดตามและให้กำลังใจ น้องมะปรางกันได้ที่ <span style="color: blue;"><a href="https://www.facebook.com/onlychildcansurviveinIndia/" target="_blank">ลูกสาวคนเดียวก็เรียนจบอินเดียได้</a> </span>(<a href="https://www.facebook.com/onlychildcansurviveinIndia/">https://www.facebook.com/onlychildcansurviveinIndia/</a>) หลินลองอ่านดูแล้ว สนุกน่าติดตามทุกตอนเลยค่ะ^^<br />
<br />
สู้ๆ กันนะคะทุกคน หวังว่าจะได้แนวทางในการสร้างรายได้จาก Blog กันทั่วหน้าค่ะ<br />
<br />
หลิน</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ebookmakerich"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/ebookmakerich</span></a> ค่ะ<br />
<br />
<br />
<br /></div>
<div>
*************************</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลินกำลังจะมีคอร์ส สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค. สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon รายละเอียดคลิก <a href="http://goo.gl/l8Lrgc">http://goo.gl/l8Lrgc</a><br />
<br />
ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก <a href="http://goo.gl/WOyNzF">http://goo.gl/WOyNzF</a><br />
<br />
ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^<br />
<div class="separator" style="background-color: white; clear: both; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s1600/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" imageanchor="1" style="color: #cc4411; margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="330" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s640/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" style="border: none; position: relative;" width="640" /></a></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-81262663409890389752015-12-02T14:49:00.000+07:002015-12-06T09:55:16.345+07:00จะเขียนหนังสือยังไงให้ขายดี??!หลินคิดว่าเราทุกคนที่อยากมีผลงานหนังสือเป็นของตัวเอง ก็มีความฝันว่านอกจากจะมีผลงานวางขายแล้ว ก็ยังอยากให้หนังสือนั้นขายดีด้วยเป็นเรื่องธรรมดานะคะ เพราะการที่หนังสือขายดีเนี่ย นอกจากจะเป็นการให้กำลังใจตัวเราเอง ว่าหนังสือที่เป็นผลงานของเรา เป็นแนวที่เราถนัด มีความรู้ ความเชี่ยวชาญนั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดแล้ว ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากการขายหนังสือด้วยนะคะ^^<br />
<br />
ทีนี้จึงมาถึงเรื่องที่ต้องคิดกันหน่อยล่ะ ว่าจะทำหนังสือยังไงให้หนังสือขายดีนะ?<br />
<br />
ปัญหาพวกเนี้ยมักจะชอบเกิดกับ (ว่าที่) นักเขียนที่มีความรู้หลายอย่าง เชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น ความรู้ด้านจิตวิทยาก็มี ความรู้ด้านบริหารจัดการก็เยี่ยม แม่และเด็กก็รู้นะ แถมยังอยากเขียนเรื่องแรงบันดาลใจอีกต่างหาก<br />
<br />
และเพราะวันๆ เวลามีจำกัด สรุปคือจะเขียนเรื่องอะไรดีล่ะ? แล้วเรื่องไหนล่ะจะขายดี??<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgD2FWydRyVOSnXT9Geac_1GEBpjrF7CcOyUegcJinZI-3a6dm9eQJsPMyCoWmdJmMOW8pCi_OxJy5d2_F0aMDhOW2Wy2VbNhQqfAeNIHksAqN8AOx1VodpcHvW-bLMMwzHb8i2Kl055NXB/s1600/write+a+bestseller.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgD2FWydRyVOSnXT9Geac_1GEBpjrF7CcOyUegcJinZI-3a6dm9eQJsPMyCoWmdJmMOW8pCi_OxJy5d2_F0aMDhOW2Wy2VbNhQqfAeNIHksAqN8AOx1VodpcHvW-bLMMwzHb8i2Kl055NXB/s400/write+a+bestseller.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
วันนี้หลินมีอีกแนวทางมาแนะนำค่ะ ติดตามนะคะ^^<br />
<br />
แนวทางของวิธีการนี้ก็คือจริงๆ แล้วง่ายมาก วิธีการคือสังเกตว่าตอนเนี้ยเรื่องไหนหรือประเด็นไหนที่กำลังฮอตกำลังฮิตในตลาด เป็นเรื่องที่สังคมให้การสนใจ newsfeed facebook ขึ้นหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยๆ คนแวดล้อมรอบตัวพูดคุยถึงเรื่องพวกนี้ จากนั้นมาดูตัวเองว่าเรามีความรู้เรื่องนี้ไหม? ถ้ามีก็แตกประเด็นมาเขียนได้เลยค่ะ^^<br />
<br />
เช่น ถ้าเราสังเกตให้ดีๆ ช่วงไม่กี่ปีมานี้กระแสสุขภาพมาแรง อะไรๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพขายได้ดี ขายได้เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ฟิตเนส personal trainer กระแสหุ่น 6 แพค กินคลีน อาหารเพื่อสุขภาพ ไม่กินเนื้อสัตว์แปรรูป ฯลฯ ประเด็นพวกนี้ก็หยิบมาแตกมาเป็นหนังสือหนึ่งเล่มได้ เช่น เมนูอาหารคลีน เนื้อสัตว์แปรรูปที่ควรหลีกเลี่ยง ครีมเทียมไม่ดีต่อสุขภาพยังไง มาการีนเทียบกับเนยแล้วทำไมเนยดีกว่า โยคะสำหรับคนทำงานออฟฟิส ฯลฯ<br />
<br />
นอกจากเรื่องสุขภาพที่ดังสุดๆ แล้วก็ยังมีกระแสอีกอย่างที่ดังไม่แพ้กัน เช่น ไม่ต้องทำงานประจำ ทำงานที่รักแบบอยู่ที่บ้านก็ทำได้ ไม่ต้องเหนื่อยรถติด passive income รวยด้วยหุ้น รวยด้วยคอนโด วิธีวาด line sticker เขียนหนังสือขายออนไลน์ ขายของออนไลน์ เป็น infopreneur ฯลฯ ลองหาประเด็นพวกนี้มาแตกยอดเป็นคอนเซปต์หนังสือดูค่ะ<br />
<br />
และเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจไม่ดี จิตใจคนหดหู่ซึมเศร้า คนอยากจะแสวงหาที่พึ่งทางใจ กระแสที่จะมาแรงคือแนวธรรมะบำบัดใจทั้งหลาย เช่น ธรรมะสำหรับคนรุ่นใหม่ ใช้ภาษาง่ายๆ วิธีคิดบวก ทำใจให้มีความสุข ปล่อยวาง ตัวเบาใจสบาย ไม่ถือไม่หนัก ฯลฯ หนังสือแนวจิตวิทยา คอร์สอบรมธรรมะก็จะขายดีค่ะ<br />
<br />
จะเห็นว่าเรื่องพวกนี้ จริงๆ เราเห็นๆ กันอยู่ตลอดเวลา ไม่ดูทีวีก็ยังเห็น ไม่เล่นเฟสก็ต้องได้ยิน เพราะคนรอบๆ ตัวเราก็ต้องมีพูดถึง พูดคุยกันบ้าง ลองสังเกตกระแสสังคมดีๆ ค่ะ แล้วคิดว่ามีประเด็นอะไรที่เราเอามาใช้ได้บ้าง<br />
<br />
ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ^^<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ </span><a href="https://www.facebook.com/ebookmakerich" style="background-color: white; color: #771100; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px; text-decoration: none;"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/ebookmakerich</span></a><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"> ค่ะ</span><br />
<br />
สู้ๆ นะคะ โย่วว!!<br />
<br />
หลินกำลังจะมีคอร์ส <b>สร้างเงินล้านจากงานเขียน....คุณทำได้! เ</b>ป็นคอร์สส่งท้ายสุดสำหรับปีนี้แล้วค่ะ^^ ในวันที่ 19 ธ.ค. สอนวิธีเขียนหนังสือเล่มขายผ่านสำนักพิมพ์ เขียน eBook ขายผ่าน Ookbee, Mebmarket และ Amazon รายละเอียดคลิก <span style="color: blue;"><a href="http://goo.gl/l8Lrgc">http://goo.gl/l8Lrgc</a></span><br />
<br />
ภาพบรรยากาศการเรียนคอร์สครั้งที่แล้ว คลิก <span style="color: blue;"><a href="http://goo.gl/WOyNzF">http://goo.gl/WOyNzF</a></span><br />
<br />
ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ ครั้งสุดท้ายของปี จัดหนัก จัดเต็มค่ะ^^<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s1600/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="330" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVjWE0VcjlpgZI87JAmasipcSC0ZdNy24xmdWyKwQHi-0nL2ocaQtIv97LtSIqVQRSDEnaaaTuLcoT1Gc5P7S7uAgS0Dko21M1UkshSDLvNBGWNQqZwM089rYuqo77CMqJlyKVrvkO6Ksa/s640/11041120_926989174025363_2588315416250885192_n.jpg" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-14030081589451023172015-11-25T13:09:00.000+07:002015-12-06T09:54:44.417+07:00รวม 5 เว็บเพื่อขาย eBook ในต่างแดน (ชีวิตมีทางเลือกอีกเยอะะ!!)หลินว่าใครที่ติดตามเพจหรือ blog นี้มาตลอดก็คงรู้จักกับ Amazon เป็นอย่างดีนะคะ ว่าเป็นตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในความเป็นจริงแล้วเนี่ย ยังมีอีกหลายเว็บไซต์เลยนะ ที่ให้นักเขียนอิสระอย่างเราอัพโหลด eBook ไปขายฟรีๆ หรือถ้าไม่ฟรีก็มีการเก็บคำดำเนินการนิดหน่อยค่ะ<br />
<br />
ถึงแม้ว่าตัวหลินเองทุกวันนี้จะขายหนังสือเมืองนอกแค่ในตลาด Amazon และยังไม่เคยมีประสบการณ์ไปขายที่อื่่นเหมือนกัน แต่หลินก็คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่ได้รู้จักเว็บไซต์อื่นๆ ที่เราสามารถฝากขาย eBook ของเราได้ เป็นการสร้างทางเลือกและช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นของเรา<br />
<br />
ก่อนจะหาข้อมูลเรื่องนี้มาเขียน ตัวหลินเองก็อยากขยับขยาย อยากหาโอกาสใหม่ๆ ทางเลือกใหม่ๆ เหมือนกันค่ะ พอหาข้อมูลได้จึงคิดว่าเอาข้อมูลนี้มาแบ่งปันกันใน blog และเพจสร้างทางเลือกให้กับคนอื่่นดีกว่า ซึ่งการที่เราเอาหนังสือไปขายในหลายๆตลาดก็เหมือนที่คุณวอเรน บัฟเฟต์ (ตอนแรกๆ อ่านว่าบุฟเฟ่ต์ทุกทีเลย - -') บอกว่าอย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว ควรจะเก็บไว้ที่เล้าด้วย เอ้ย..ไม่ใช่ ควรจะกระจายความเสี่ยงด้วยค่ะ^^<br />
<br />
ติดตามรวม 5 เว็บไซต์เพื่อขาย eBook ในต่างแดน สำหรับนักเขียนอิสระอย่างเรากันนะคะ^^ (สนใจรายละเอียดเว็บ คลิกที่ชื่อในแต่ละข้อนะคะ หลินทำลิงค์ไว้ให้แล้วค่ะ)<br />
<br />
<br />
<b><u><a href="http://www.lulu.com/us/en/create/ebooks?cid=us_pubpage_ebooks/" target="_blank">1. Lulu</a></u></b><br />
<div style="text-align: center;">
<img height="111" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGO4Fq2mQwIxWePLJEXqAuAJxpontPD6_gUn29ox1FShEzsdsuI-3EF7MV2RcRlSywCgKdCZb0LxSzXAQq_mOBKUw6pLoFhZNOwAgrfx3iyOSU1PAvsm9o4sv7dsxydMCV_uvvwnvdBVI/s320/Lulu_Logo.jpg" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
เว็บ Lulu เป็นอีกเว็บที่ดังมากในอเมริกาค่ะ คิดว่าหลายคนคงเคยเห็นกันบ้างแล้ว นอกจากดังแล้ว เว็บนี้ยังจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นักเขียนสูงถึง 90% ค่ะ เราตั้งราคาหนังสือเองได้ด้วยและไม่มีค่าธรรมเนียมในการสมัครค่ะ<br />
<br />
<br />
<b><a href="http://www.smashwords.com/about/how_to_publish_on_smashwords" target="_blank">2. Smashwords</a></b><br />
<div style="text-align: center;">
<img src="http://selfpublishingadvice.org/wp-content/uploads/2012/07/smashwords-logo.jpg" height="240" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
เว็บ Smashwords มีจุดเด่นคือเวลาเราขาย eBook ที่นี่เราจะได้หมายเลข ISBN ฟรีและมีรูปแบบ eBook ให้ใช้ถึง 9 แบบ ขายที่นี่ที่เดียวยังสามารถเชื่อมต่อกับ Apple iBookstore และสำนักพิมพ์หนังสือแบบออนไลน์ดังๆ อีกหลายแห่งค่ะ ค่าธรรมเนียมในการสมัครไม่มี แต่คิดค่าดำเนินการโดยหักให้นักเขียนเท่ากับ 60-85% ค่ะ<br />
<br />
<br />
<br />
<b><a href="http://payspree.com/vendors.php" target="_blank">3. PaySpree</a></b><br />
<div style="text-align: center;">
<img height="190" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjE3vvMbajnAEknoXIabojz6f4LqpEMu0kXm2BGsgoBPELWCrZ6nu14RJW8FLWs1BwDqwTNhrHGciCclpUxVGXWZep9jHOVEDyKaafTuN1vW3w4cgNxJJmnmU4L6vBrNN_EFsaH4IVrsWc/s320/PaySpree.com-Sell-Products-Online-with-Instant-Commission-Affiliate-Program.png" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
เว็บ PaySpree เว็บนี้มีคนใช้เยอะมากเหมือนกันค่ะ ลูกเล่นเค้าคือขายผลิตภัณฑ์แรกได้ฟรี แต่ผลิตภัณฑ์ที่ 2 เป็นต้นไปต้องเสียเงินเป็นแพกเกจ (29 USD) เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเขียน เพิ่งเริ่มขาย ขายอันแรกไม่ต้องเสียเงินขายต่อไปค่อยเสียค่ะ เว็บไม่เสียค่าลงทะเบียนในการสมัคร และจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 90-100%<br />
<br />
<br />
<b><u><a href="http://www.ebookit.com/index.php" target="_blank">4. eBookIt!</a></u></b><br />
<div style="text-align: center;">
<img src="http://www.notthatlondon.com/wp-content/uploads/2014/10/ebookit-logo-rect-300x133.jpg" height="141" width="320" /></div>
เว็บ eBookIt! ก็ตามชื่อเลยนะคะ เน้น eBook เป็นหลัก จุดเด่นคือสามารถช่วยให้นักเขียนแปลงต้นฉบับเป็นหนังสือ eBook อย่างมืออาชีพได้ โดยนักเขียนเป็นคนจ่ายค่าดำเนินการซึ่งหักค่าลิขสิทธิ์ที่นักเขียนจะได้อยู่แล้ว สรุปว่านักเขียนไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนค่ะ^^<br />
<br />
ค่าธรรมเนียมลงทะเบียน 149 USD ค่าลิขสิทธิ์จ่ายที่ 50-80%<br />
<br />
<br />
<br />
<b><u><a href="http://www.e-junkie.com/ej/selling-ebooks.htm" target="_blank">5. E-Junkie</a></u></b><br />
<div style="text-align: center;">
<img src="http://www.web-site-building-tips.com/images/e-junkie.jpg" height="165" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
เว็บ E-Junkie เค้ามีลูกเด่นตรงที่เราสามารถขาย eBook ในรูปแบบ PDF ได้เลยค่ะ ซึ่งหมายถึงว่ามันง่ายมากสำหรับทุกคน นอกจากนี้เค้าออกแบบให้มีการแสตมป์ชื่อผู้ขาย อีเมล์ และรายละเอียดอื่นๆ ในหนังสือทุกเล่มแบบแก้ไม่ได้ เพื่อป้องกันการเอาไปก๊อปปี้แบบละเมิดลิขสิทธิ์ค่ะ (ฝรั่งเค้าซีเรียสดีจริงๆ หลินชอบมากค่ะ)<br />
<br />
เว็บนี้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นักเขียน 100% นักเขียนเสียค่าสมัครอยู่ที่ 5 USD/เดือน ค่ะ<br />
<br />
<br />
ถ้าใครลองแล้วเว็บไหนดีหรือไม่ดียังไงมั่ง แบ่งปันประสบการณ์กันบ้างนะคะ^^ ส่วนใครทีสนใจอยากเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon หลินมีคอร์สสอนวิธีเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบละเอียดยิบๆ ทุกขั้นตอน ดังรายละเอียดด้านล่างค่ะ^^ มีโอกาสมาเจอกันนะคะ วันเสาร์นี้แล้วค่ะ^^<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ </span><a href="https://www.facebook.com/ebookmakerich" style="background-color: white; color: #771100; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px; text-decoration: none;"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/ebookmakerich</span></a><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"> ค่ะ</span><br />
<br />
---------------------------------------------------------------------------------------------<br />
<b style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"><span style="font-size: x-small;"><br /></span></b><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"></span><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: medium;"><b>คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!</b></span><br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ</span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ คิดว่าคอร์สนี้จะเป็นคอร์ส Amazon ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ^^ ปีหน้าหลินคงจะปรับเปลี่ยนคอร์สใหม่ เอาหลักสูตรอื่นๆ มาแทน ถ้าว่างมาเจอกันนะคะ^^</span><br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="font-size: 14.85px;">
<br /></div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; font-size: 14.85px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s1600/Amazon+course+281158.jpg" imageanchor="1" style="color: #771100; margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-decoration: none;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s400/Amazon+course+281158.jpg" style="border: none; position: relative;" width="400" /></a></div>
<div style="font-size: 14.85px; text-align: center;">
<br /></div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)</div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง</div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ</div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<a href="http://goo.gl/MQklJQ" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/MQklJQ</a></div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
-------------------------------------------------------------------</div>
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<span style="font-size: medium;"><b>สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle</b></span><br />
วางขายแล้ววววนะคะที่ ookbeeและ Meb Market!!</div>
<span style="font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><br /></span><span style="font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;">ราคาปก 390 บาท ซื้อผ่าน AIS ที่ookbee เหลือ 349 บาท เนื้อหาบอกทุกสเต็ป ทุกขั้นตอนในการเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบไม่มีกั๊ก! อ่านจบแล้วขายหนังสือไม่ได้ เพราะมีอย่างเดียวคือคุณไม่เริ่มเขียนเท่านั้น!</span><br />
<span style="font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><br /></span><span style="font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;">ดูหนังสือตัวอย่างคลิก <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html</a> เลยค่ะ^^</span><br />
<div style="font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjavGZweShn0KFk_LGOpj_qz_CgEtNBc_j-mFfGQcYsUzeLnyugJLVSEcq0SBfLof-5tmJIovvEYd0c-EMN1nX7Yx8tDpn3YwBIFnPhB1C3gdBNchMJFm3_eTsuvUQLz_eHYC7RXZ274HqU/s1600/Cover.jpg" imageanchor="1" style="color: #771100; margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-decoration: none;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjavGZweShn0KFk_LGOpj_qz_CgEtNBc_j-mFfGQcYsUzeLnyugJLVSEcq0SBfLof-5tmJIovvEYd0c-EMN1nX7Yx8tDpn3YwBIFnPhB1C3gdBNchMJFm3_eTsuvUQLz_eHYC7RXZ274HqU/s400/Cover.jpg" style="border: none; position: relative;" width="277" /></a></div>
</div>
</div>
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-16599878483677067582015-11-23T21:33:00.000+07:002015-12-06T09:54:21.432+07:00จะสร้างเงินจากงานเขียนเค้าว่าไม่ยาก?? แล้วก้าวแรกต้องทำยังไงดี??หลินว่าหลายคนที่ติดตามเพจนี้แล้วก็เพจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนักเขียน งานเขียน ต้องเคยอ่านเจอ ประโยคที่ว่า "เขียนหนังสือก็เป็นอาชีพได้ เป็นงาน สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้" อยากจะมีชีวิตดี๊ดีแบบนั้นมั่งจัง?<br />
<br />
แต่ปัญหาคือแล้วจะเริ่มยังไงดีล่ะ? ถ้าวันนี้เรายังไม่เคยเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเรื่องเป็นราวซักอย่าง เขียนแล้วใครจะอ่าน? ยิ่งกว่านั้นจะสร้างรายได้ยังไง นึกไม่ออก??<br />
<br />
ลองติดตามก้าวแรกของการเขียนเพื่อสร้างรายได้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทดลองเอาไปใช้เพื่อพัฒนาให้งานเขียนให้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวนะคะ^^<br />
<br />
ติดตามเลยค่ะ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhc8yehgzfSyqCMPf4H9ft36pO4ZXkqK4yfCTCC7xuA42KdKl3JMxMak9by05JdeYeg7ZfkD4NX7rVZEVxtgk1ODAuCvd8_O2ITpFEoLy-2-7DbTKJt0020afMc3aD_ue_X21kmrXmMyfXt/s1600/writer-605764_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="387" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhc8yehgzfSyqCMPf4H9ft36pO4ZXkqK4yfCTCC7xuA42KdKl3JMxMak9by05JdeYeg7ZfkD4NX7rVZEVxtgk1ODAuCvd8_O2ITpFEoLy-2-7DbTKJt0020afMc3aD_ue_X21kmrXmMyfXt/s640/writer-605764_1280.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<b><span style="font-size: large;">1. ได้เวลาพัฒนางานเขียนแล้ว โดยเริ่มต้นจากสื่อฟรี</span></b><br />
<b><span style="font-size: large;"><br /></span></b>
หลินว่ายุคนี้เป็นยุคที่พวกเราโชคดีกว่ายุคก่อนเยอะเลยนะคะ ตรงที่มีสื่อฟรีๆ อยู่ในมือ สมัยก่อนน่ะเหรอคนธรรมดาอย่างเราๆจะไปหาที่ลงบทความที่ไหนได้ ถ้าไม่เป็นที่รู้จัก ไม่เป็นคนดัง ไม่มีเส้นสาย โอกาสจะได้ลงชิ้นงานในสื่อ ยากยิ่งกว่าอะไรซะอีก<br />
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ เรามีทางเลือกเพิ่มขึ้นเยอะขึ้นด้วยสื่อฟรีๆ ใน social media<br />
<br />
หลินแนะนำว่าให้พัฒนางานเขียนตัวเองโดยทดลองเขียนบน social media ที่เราคุ้นเคยก่อน เป็นอะไรก็ได้ค่ะที่เราชอบจะเป็น facebook, blog, webboard เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบ ถนัด ตัวเองสนใจ<br />
ลองคิดดูว่า ต่อไปถ้าเราจะเขียนเรื่องแบบนี้ขาย คนอ่านจะชอบไหม ถ้าเขียนให้อ่านฟรีๆแล้วคนอ่านยังไม่ชอบ ถึงเวลาขายจริงใครจะซื้อ! ถูกไหมคะ?<br />
<br />
วิธีนี้ช่วยให้เราสามารถฝึกฝีมือและสไตล์งานเขียนของเรา พร้อมรับรู้ฟีดแบกจากผู้อ่านด้วยค่ะ ว่าชอบหรือไม่ชอบ มีความคิดเห็นยังไง ซึ่งทำให้เรามีโอกาสปรับตัว ปรับฝีมือ ปรับปรุงสไตล์ หรือทดลองตลาดได้ด้วยนะคะ<br />
<br />
<br />
<br />
<b><span style="font-size: large;">2. หา connection ให้มาก</span></b><br />
<b><span style="font-size: large;"><br /></span></b>
เราคงต้องยอมรับว่าสังคมสมัยนี้จะทำอะไรสักอย่าง หากว่ามี connection ทำให้งานง่ายกว่าไม่มีเยอะนะคะ ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่ฟังแล้วขัดหูหน่อยๆ แต่เราเองก็ต้องยอมรับความจริงในข้อนี้ไปโดยปริยาย<br />
<br />
การหา connection ของนักเขียนก็ไม่ต่างอะไรกับอาชีพอื่่นๆ หลักใหญ่ๆคือ join group กลุ่มนักเขียนด้วยกันสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นไว้ ออกงานสัมมนาทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เป็น guest speaker ฯลฯ สั้นๆ คืออย่าทำงานคนเดียว สร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมอาชีพไว้ อย่ามองว่าเป็นคู่แข่ง ให้มองว่าเป็น partner กันจะดีกว่า<br />
<br />
หลายคนคิดว่าไปงานสัมมนาจะได้ connection ได้ยังไง? เปลืองเงินแย่เลย<br />
แต่เชื่อไหมคะ ? ว่ามีคนเยอะนะคะ ยอมจ่ายเงินค่าคอร์สสัมมนาราคาแพงเพื่อไปสร้าง connection เป็นหลัก เนื้อหาสัมมนาเป็นรอง ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดหรอก ไปเพื่อไปหา connection โดยเฉพาะ และผลที่ได้ก็ work ซะด้วยสิ!<br />
<br />
แต่ยังไงก็ตาม ทุกคนมีสไตล์ไม่เหมือนกันนะคะ เราหาวิธีการที่เราทำแล้วชอบ สบายใจ สบายกระเป๋าแล้วปรับใช้เอา เพราะรองเท้าของคนอื่นอาจคับไปหรือหลวมไปสำหรับเราก็ได้นะ<br />
<br />
<br />
<br />
<b><span style="font-size: large;">3.ยอมรับว่ากว่าสำเร็จต้องใช้เวลา</span></b><br />
<b><span style="font-size: large;"><br /></span></b>
คงไม่มีอะไรสำเร็จแค่ช่วงข้ามคืน เราเขียนปุ๊ปจะให้สำเร็จปั๊บคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คงยากที่จะบอกว่าคุณจะสำเร็จเมื่อไหร่ หมอดูคนไหนก็คงบอกไม่ได้ นอกจากตัวเราเองนะคะ!<br />
<br />
วิธีแนะนำจากหลินคือ ฟังเสียงลูกค้า ปรับแก้ไข วางแผนใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มาเรื่อยๆ แล้ววนเข้าสู่วงโคจรแบบนี้ไปเรื่อย สำคัญคืออดทน ห้ามออกจากเกมส์ ห้ามเลิก ถ้าไม่ work คงเป้าหมายไว้แต่ให้เปลี่ยนวิธีการแทน เพราะถ้าออกปั๊บที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับศูนย์เปล่า<br />
<br />
ถ้าเราคิดว่าไม่อดทนพอ ไม่มีเวลา ไม่อยากลำบาก อยู่เฉยๆ สบายกว่าเยอะค่ะ คอนเฟริ์ม!!<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<b><span style="font-size: large;">4. รวบรวมงานเขียนทำเป็น portfolio</span></b><br />
<b><span style="font-size: large;"><br /></span></b>
เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่งานเขียนเราเป็นที่ยอมรับในตลาดนั้นๆ แล้ว รวบรวมเป็น portfolio แล้วเล็งไปเสนอผลงานกับสำนักพิมพ์ที่คุณสนใจค่ะ (มากกว่า 1 ก็ได้) มั่นใจว่่าสำนักพิมพ์จะให้การต้อนรับนักเขียนที่มีฐานแฟนคลับมากกว่านักเขียนที่ยืนยันว่าฉันเขียนดี เขียนดีแน่ๆ แต่มาแต่ตัวเปล่าๆ เล่าเปลือยชัวร์ค่ะ<br />
<br />
หรือยิ่งกว่า ถ้าเราคิดว่าของเราดีจริงอย่าได้แคร์สำนักพิมพ์ เราก็สามารถทำ self-publishing คือทำ eBook ขายเองก็ได้ รับผลประโยชน์เองที่ไม่ต้องผ่านใคร ขายในไทยก็ Ookbee และ Mebmarket ขายเมืองนอกก็คือ Amazon ตลาด eBook ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ<br />
<br />
ลองดูนะคะ ใครๆ ทำได้ หลินทำได้ คุณก็ทำได้เหมือนกันนน<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">ติดตามเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับงานเขียนของหลินได้ที่ </span><a href="https://www.facebook.com/ebookmakerich" style="background-color: white; color: #771100; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px; text-decoration: none;"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/ebookmakerich</span></a><span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"> ค่ะ</span><br />
<br />
---------------------------------------------------------------<br />
<b style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"><span style="font-size: small;"><br /></span></b>
<br />
<b style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"><span style="font-size: small;"><br /></span></b>
<span style="font-size: large;">คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!</span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ</span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; line-height: 20.79px;">ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ คิดว่าคอร์สนี้จะเป็นคอร์ส Amazon ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ^^ ปีหน้าหลินคงจะปรับเปลี่ยนคอร์สใหม่ เอาหลักสูตรอื่นๆ มาแทน ถ้าว่างมาเจอกันนะคะ^^</span><br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="font-size: 14.85px;">
<br /></div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; font-size: 14.85px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s1600/Amazon+course+281158.jpg" imageanchor="1" style="color: #771100; margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-decoration: none;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s400/Amazon+course+281158.jpg" style="border: none; position: relative;" width="400" /></a></div>
<div style="font-size: 14.85px; text-align: center;">
<br /></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)</div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง</div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ</div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<a href="http://goo.gl/MQklJQ" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/MQklJQ</a></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
-------------------------------------------------------------------<br />
<br /></div>
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<span style="font-size: large;">สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle</span><br />
วางขายแล้ววววนะคะที่ ookbeeและ Meb Market!!</div>
<span style="color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;"><br /></span></span>
<span style="color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">ราคาปก 390 บาท ซื้อผ่าน AIS ที่ookbee เหลือ 349 บาท เนื้อหาบอกทุกสเต็ป ทุกขั้นตอนในการเขียนหนังสือไปขายที่ Amazon แบบไม่มีกั๊ก! อ่านจบแล้วขายหนังสือไม่ได้ เพราะมีอย่างเดียวคือคุณไม่เริ่มเขียนเท่านั้น!</span></span><br />
<span style="color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;"><br /></span></span>
<span style="color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif;"><span style="line-height: 20.79px;">ดูหนังสือตัวอย่างคลิก <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html">http://ebookmakerich.blogspot.com/p/blog-page.html</a> เลยค่ะ^^</span></span><br />
<div style="color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; color: #333333; font-family: arial, tahoma, helvetica, freesans, sans-serif; line-height: 20.79px; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjavGZweShn0KFk_LGOpj_qz_CgEtNBc_j-mFfGQcYsUzeLnyugJLVSEcq0SBfLof-5tmJIovvEYd0c-EMN1nX7Yx8tDpn3YwBIFnPhB1C3gdBNchMJFm3_eTsuvUQLz_eHYC7RXZ274HqU/s1600/Cover.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjavGZweShn0KFk_LGOpj_qz_CgEtNBc_j-mFfGQcYsUzeLnyugJLVSEcq0SBfLof-5tmJIovvEYd0c-EMN1nX7Yx8tDpn3YwBIFnPhB1C3gdBNchMJFm3_eTsuvUQLz_eHYC7RXZ274HqU/s320/Cover.jpg" width="222" /></a></div>
</div>
</div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-10591536546998686002015-11-11T15:44:00.003+07:002015-11-11T15:47:34.392+07:00จะเขียนหนังสือขายบน Amazon หรือจะขายเองดีนะ??หลินว่าพวกเราหลายๆ คนพอมีผลงานหนังสือออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องวางขายถูกไหมคะ? พอมาถึงจุดๆ นี้เนี่ย หลายคนอาจลังเลใจว่า เอ..เราจะขายเองผ่านเว็บไซด์ facebook, fanpage ของเราเอง เพื่อที่เราจะได้เงินค่าหนังสือแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือว่าจะวางขายผ่านร้านหนังสือออนไลน์เจ้าตลาดอย่าง Amazon (หรือเมืองไทยก็อย่าง Ookbee, Mebmarket) ที่เค้าดังกว่าเรา คนเข้าถึงเยอะ โดยยอมแลกกับการให้เค้าหักกินหัวคิวดีนะ??<br />
<br />
วันนี้ลองมาวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ของการขายหนังสือผ่านช่องทางของตัวเองเทียบกับช่องทางของผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon กันค่ะ^^ อ่านๆ ดูแล้วก็ปรับเอามาใช้ได้ในหลายๆ กรณีนะคะ ติดตามได้เลยค่ะ<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNBaLpkwXOL6_VgmtYi7vxjUhUoltCz342rPWD6A-bOzxOoOoOMGr8daeC9V2oRZMHZVOXu6bXQ8tlz0t1iaajY9UO7AdEvwDkvOAERFukHNhSgKGuP3b08OqGTz-d8W8bJ5APFflMwlYM/s1600/self.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="280" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjNBaLpkwXOL6_VgmtYi7vxjUhUoltCz342rPWD6A-bOzxOoOoOMGr8daeC9V2oRZMHZVOXu6bXQ8tlz0t1iaajY9UO7AdEvwDkvOAERFukHNhSgKGuP3b08OqGTz-d8W8bJ5APFflMwlYM/s400/self.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-size: x-small;">ภาพจาก http://mmbiz.qpic.cn/</span></div>
<br />
<br />
<br />
<b><u style="background-color: yellow;"><span style="font-size: large;">ข้อดีของการขาย eBook ผ่าน Amazon</span></u></b><br />
<br />
1. ระบบเค้าดีอยู่แล้ว เราไม่ต้องทำอะไรมาก<br />
แค่โหลดหนังสือขึ้นไป เค้ามีระบบขาย จัดอันดับ ระบบจ่ายเงิน เก็บเงิน โอนเงินให้เราเสร็จสรรพ เราไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไรมาก แหม่...ดีแท้ๆ นะคะ^^<br />
<br />
2. ขายเป็น eBook ก็ได้ ไม่ต้องลงทุนค่าจัดพิมพ์<br />
ถ้าจะขายเป็นหนังสือเล่มก็มีระบบอำนวยความสะดวกสั่งให้พิมพ์เป็นหนังสือเล่มได้ จัดส่งให้เราเสร็จ (หักค่าใช้จ่ายจากยอดขาย) เรานั่งอยู่บ้านเฉยๆ นะจ๊ะ อิ อิ<br />
<br />
3. คนใช้เว็บ Amazon เยอะมากๆ<br />
เป็นล้านคนทั่วโลก เป็นที่แพร่หลายรู้จัก มีความเป็นไปได้มากว่าถ้าเราไม่ขายผ่าน Amazon ถึงแม้หนังสือเราจะดีแค่ไหน คนซื้อก็อาจไม่เจอหนังสือเราเพราะว่าหาเว็บไซด์ หรือ fanpage facebook เราไม่เจอ ><'<br />
<div>
<br /></div>
<div>
มีข้อดีแล้วมาดูข้อเสียกันบ้างค่ะ เพราะเหรียญมี 2 ด้านนะจ๊ะ<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><u style="background-color: yellow;"><span style="font-size: large;">ข้อเสียของการขาย eBook ผ่าน Amazon</span></u></b></div>
<div>
<b><u><br /></u></b></div>
<div>
1. การแข่งขันสูง<br />
แน่นอนที่สุดว่าคนซื้อเยอะ คนขายก็เยอะเป็นธรรมดา มีคนขายหนังสือเป็นล้านเล่ม พอๆ กับคนซื้อเป็นล้านๆ คน ดังนั้น หนังสือที่ขายนั้นหากว่าเราคิดเนื้อหาเอง ก็ควรเป็นเนื้อหาที่เรามีความเชี่่ยวชาญ หรือประเทศอื่่นไม่มีเนื้อหาแบบนี้ (ประมาณว่าประเทศนั้นเป็นต้นกำเนิดของข้อมูลมือหนึ่ง เช่น ประเทศไทยก็ต้องอาหารไทย มวยไทย นวดไทย ทำนองนี้) ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดให้เรา ถ้าจับจุดเจอ เราก็จะขายได้ค่ะ^^</div>
<div>
<br />
2. ราคาหนังสือที่ตั้งขายกันไม่ได้แพงเท่าไหร่ <br />
จากค่าเฉลี่ยของ Amazon หนังสือที่ขายดีที่สุดตั้งราคาอยู่ที่ 2.99$ แพงกว่านี้หรือถูกกว่านี้ก็มี แต่ไม่ได้ยอดขายดีเท่าค่ะ ดังนั้นจะเห็นว่าราคาที่เหมาะสมจะตั้งไว้ไม่แพงมาก หนังสือบางเล่มขายแค่ 0.99$ เอง จะเรียกว่า Amazon ขายเอาปริมาณก็ว่าได้ค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div>
เมื่อเรารู้ข้อดี ข้อเสียของการขายผ่านเจ้าตลาดแล้ว ลองมาดูว่าถ้าเราขายเองผ่านช่องทางตัวเอง จะดียังไงนะ?</div>
<div>
<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<b><u style="background-color: lime;"><span style="font-size: large;">ข้อดีของการขายผ่านช่องทางตัวเอง</span></u></b></div>
<div>
<br /></div>
<div>
1. ชัดๆ เลยได้กำไรต่อเล่มมากกว่าค่ะ<br />
เพราะไม่ต้องหักค่าดำเนินการให้ใคร (หากขายผ่าน Amazon เราต้องจ่ายให้ Amazon อยู่ที่ 35% หรือ 70% ของราคาขายต่อเล่ม ขึ้นกับเงื่อนไขของหนังสือ) และยังสามารถตั้งราคาได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหนังสือใน Amazon ด้วยนะ เพราะว่าหนังสือบางเล่มถือว่าเป็นคุณค่าเฉพาะทาง หาที่ไหนไม่ได้ บางเล่มคนอ่านเอาไปสร้างอาชีพได้ ก็สามารถคิดราคาแพงๆ ได้เลย โดยไม่ต้องมีสงครามราคาของ Amazon มาค้ำไว้</div>
<div>
<br /></div>
<div>
2. ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหนังสือของเราผ่านทางช่องทางของเรา คือ "ลูกค้าของเรา" ไม่ใช่ "ลูกค้าของ Amazon" <br />
ความหมายก็คือคนที่เข้ามาในเว็ปของเราหรือ fanpage ของเรา คือคนที่สนใจสินค้า หรือ know-how ของเราจริงๆ เข้ามาเพราะรู้จักเรา ต้องการความรู้หรือคำแนะนำจากเรา ไม่ใช่เพราะท่อง Amazon แล้วมาจ๊ะเอ๋กับหนังสือของเราค่ะ </div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดังนั้น contact ลูกค้าของเราเนี่ยต่อไป เราเอาไปต่อยอดได้ เช่น ส่งข่าวว่าเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้าง brand loyalty ฯลฯ ในขณะที่ Amazon ทำแบบนี้ไม่ได้เลยนะ เพราะแทบไม่เกิดการติดต่อสื่อสารอะไรกันเลย ส่วนใหญ่ผ่านตัวกลาง Amazon ทั้งหมด</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ที่สำคัญอีกอย่างที่หลินคิดก็คือ เราได้รู้จากปากลูกค้าเราแท้ๆ เราควรจะต้องปรับปรุงตรงไหน อยากได้อะไร เป็นการตอบสนองความต้องการได้ตรงเป้าเป๊ะๆ โดยไม่ต้องผ่านใคร หรือเดาไปมั่วๆ หรือไปผิดทางเลยค่ะ^^<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="background-color: lime; font-size: large;"><b><u>ข้อเสียของการขายผ่านช่องทางตัวเอง</u></b> </span></div>
<div>
<br /></div>
<div>
1. เราต้องทำระบบหลังบ้านเองทั้งหมด ถึงแม้ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง แต่เราก็ต้องมาจ้างคนทำอยู่ดี เช่น ระบบจ่ายเงิน โอนเงิน เช็คยอด ส่งไฟล์หนังสือ หรือส่งปณ. ฯลฯ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
2. ถ้าฐานลูกค้าเราน้อย คนรู้จักเราน้อย เราจะพลอยมีโอกาสน้อยไปด้วยที่จะขายหนังสือได้ พูดกันง่ายๆ คือ ไม่มีคนรู้จักเรา ซึ่งทั้งหมดอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับคุณภาพหนังสือที่เราเขียนด้วยนะคะ<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียให้เห็นกันจะๆ แบบนี้ หลินว่าพวกเราหมู่นักเขียนคงได้ไอเดียในการขายหนังสือกันไม่มากก็น้อย</div>
<div>
<br /></div>
<div>
สู้ๆๆ กันค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลิน^^<br />
<br />
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">#########################</span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<b style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;"><span style="font-size: medium;">คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!</span></b><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ</span><br />
<br style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;" />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: "arial" , "tahoma" , "helvetica" , "freesans" , sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ </span><br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 14.85px; line-height: 20.79px;">
<a href="http://goo.gl/MQklJQ" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/MQklJQ</a><br />
<div>
<br /></div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s1600/Amazon+course+281158.jpg" imageanchor="1" style="color: #771100; margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-decoration: none;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s400/Amazon+course+281158.jpg" style="border: none; position: relative;" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)<br />
สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง<br />
<br />
รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ<br />
<a href="http://goo.gl/MQklJQ" style="color: #771100; text-decoration: none;">http://goo.gl/MQklJQ</a></div>
</div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-38904589942366399362015-10-26T22:10:00.000+07:002015-10-27T15:41:15.828+07:006 เทคนิคตั้งชื่อหนังสือให้โดนนนน!!!หลินเคยได้ยินว่ามีคนบอกว่าปกหนังสือก็เหมือนรักแรกพบของคนอ่าน เห็นครั้งแรกบอกเลยว่าชอบ ไม่ชอบ และการที่บอกว่าชอบไม่ชอบในแว๊บแรกที่เห็นนี่ล่ะค่ะ มีผลเยอะเลยต่อการตัดสินใจว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ ดังนั้น ประโยคข้างบนที่พูดคงจะถือว่าไม่เว่อร์เท่าไหร่นะคะ<br />
<br />
และเพราะว่าชื่อหนังสือสำคัญซะขนาดนี้เอง วันนี้มีตำราฝรั่งเค้าแนะนำเทคนิคการตั้งชื่อหนังสือให้โดนใจคนอ่านค่ะ<br />
<br />
มาติดตามกันนะคะ^^<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIsNjTG5jDo5g5TFat0G_7IWuqYfiQVRX1VzuDSYZ-6AfF-XIh-G_-aFBSbfI15NlfNqkvzowchwYU2nNXeFkNV7rIW_GyZOTDtO1R2sv8Wv2tEUABerA61qjV5RI48x6wqDiUPfq0rVPc/s1600/non-fiction-books.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIsNjTG5jDo5g5TFat0G_7IWuqYfiQVRX1VzuDSYZ-6AfF-XIh-G_-aFBSbfI15NlfNqkvzowchwYU2nNXeFkNV7rIW_GyZOTDtO1R2sv8Wv2tEUABerA61qjV5RI48x6wqDiUPfq0rVPc/s640/non-fiction-books.jpg" width="564" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-size: x-small;">ภาพจาก https://amyjarvisillustration.files.wordpress.com</span></div>
<br />
<br />
<b><u>ข้อ 1 รู้จักกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายของเรา</u></b><br />
ลองตั้งคำถามทำนองนี้กับตัวเองดูค่ะ<br />
<br />
กลุ่มผู้อ่านเป้าหมายของเราเป็นใคร ชอบอ่านเรื่องราวแบบไหน แล้วทำไมเค้าต้องชอบเนื้อหาแบบนี้ของเรา เราอยากให้คนอ่านหนังสือเราจบแล้วมีความรู้สึกยังไง เช่น สนุกสนาน มีแรงบันดาลใจ ฯลฯ หนังสือของเราแตกต่างจากหนังสือของคนอื่นๆ ในหมวดเดียวกันยังไง<br />
<br />
สำคัญคือ แล้วเราจะตั้งชื่อหนังสือยังไงให้โดนใจเค้า ถ้ากลุ่มเป้าหมายเราเป็นแฟนคลับเกาหลี คำว่า "โอปป้า" ก็น่าเลือกใช้มากกว่าคำธรรมดาอย่าง "สุดหล่อเกาหลี" หรือเปล่าคะ?<br />
<br />
<b><u>ข้อ 2 ดูหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรา</u></b><br />
วิธีการคือไปร้านหนังสือ หรือหาหนังสือออนไลน์ก็ได้ค่ะที่เกี่ยวข้องกับหนังสือของเราที่กำลังจะเขียน สมมติว่า เราอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับชีวิตหญิงสาวชาวกรุงเทพฯ เมื่อ 40 ปีก่อนเป็นตัวเอก เราก็ควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสวนลุมฯ (ที่ๆ คนมีตังสมัยก่อนไปเที่ยว) งานกาชาด โรงหนังสกาล่า ภัตตาคารห้อยเทียนเหลา หนังสือเกี่ยวกับสาวสังคมสมัยก่อน กิน ดื่ม เที่ยวที่ไหน แต่งตัวยังไง ฯลฯ<br />
<br />
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้จดชื่อที่คุณชอบออกมา เพื่อที่ว่าคำไหนจะสามารถจะเอามาพัฒนาเป็นชื่อหนังสือและอธิบายเนื้อหาหนังสือในเล่มได้บ้าง<br />
<br />
<b><u>ข้อ 3 คิดชื่อให้สั้นเข้าไว้</u></b><br />
ปกที่ดีควรจะสั้นเข้าว่า (ยกเว้นบางกรณีที่ยาวแล้วโดน แต่ปกติสั้นจะคนจะจำได้ง่ายกว่า)<br />
<br />
<b><u>ข้อ 4 คิดชื่อให้อ่านทีเดียวแล้วเห็นภาพ</u></b><br />
ถ้าชื่อหนังสือของเราสามารถสร้างมโนภาพในใจคนอ่านได้ นั่นคือโบนัสที่ถือว่าเจ๋งสุดๆ ค่ะ ลองจินตนาการถึงหนังสือชื่อ "ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต" นวนิยายรางวัลซีไรต์ 2558 อืมมม์..มันชวนให้คิดตามซะจริงๆ ว่าตาบอดยังไม่พอ ยังอยู่ในเขาวงกตซะอีก อะไรจะรันทดขนาด แล้วชีวิตนี้จะหาทางออกได้ไหมเนี่ย??<br />
<br />
<b><u>ข้อ 5 คิดชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร</u></b><br />
เรื่องสำคัญที่ควรรู้ในข้อนี้ก็คือ ชื่อหนังสือ "ไม่มีกฏหมายลิขสิทธิ์คุ้มครอง" ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆ ที่ชื่อหนังสือเราจะไปซ้ำกับชื่อหนังสือคนอื่น ซึ่งเอาจริงๆ ไม่มีผลดีกับใครสักฝ่าย โ้ดยเฉพาะชื่อที่เป็นชื่อทั่วไปมากๆ เช่น Feel Good หรือ Lovesick<br />
<br />
วิธีการที่ดีอีกวิธีหนึ่งก็คือ ลองลิสต์ชื่อหนังสือทั้งหมดออก อาจจะใช้วิธีดึงเอาชื่อตัวเอก คาแรกเตอร์ตัวเอง ชื่อสถานที่ หรือประโยคยอดฮิตในหนังสือมาเป็นชื่อหนังสือเพื่อหลีกเลี่ยงชื่อที่ซ้ำค่ะ<br />
<br />
<b><u>ข้อ 6 คิดชื่อให้ชัดเจน</u></b><br />
แน่นอนที่สุดว่า ชื่อหนังสือควรจะเกี่ยวกับเรื่องราวในหนังสือ เอาเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายเราควรอ่านทีเดียวแล้วเข้าใจว่าหนังสือเกี่ยวกับอะไร แต่ผู้อ่านที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายก็ควรอ่านแล้วรู้เรื่องด้วย ระวังพวกศัพท์เทคนิค ศัพท์เฉพาะทาง ไม่เหมาะกับการตั้งชื่อเรื่อง<br />
<br />
ถ้าเราไม่ได้เขียนนิยาย ชื่อเรื่องที่ดีควรจะบอกคนอ่านว่าอ่านจบแล้วได้อะไร เช่น โยคะสูตรหน้าเด็ก รวยด้วยอสังหา ฯลฯ<br />
<br />
ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ^^ หลินขอให้หนังสือของทุกๆ คนขายดีมากๆ เลยค่ะ เพี้ยงๆๆ<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
#########################<br />
<br />
<br /><b><span style="font-size: large;">คอร์สอบรมเรียนเขียนเพื่อขาย Amazon !!</span></b><br /><br />มาแว้ววว! คอร์ส เรียนเขียนเพื่อขาย Amazon Kindle ค่ะ<br /><br />ขอเชิญทุกคนที่สนใจอยากรู้วิธีขายงานเขียนบน Amazon มาเจอกันค่ะ <div>
<a href="http://goo.gl/MQklJQ">http://goo.gl/MQklJQ</a><br /><div>
<br /></div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s1600/Amazon+course+281158.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6f7mCrAJTzRX8k90XIN_MSKVTidleuNMNuSgdSIMGfbKp0-LKbMmRDZ_JqjAmZaBO5O7s9IFYytTgkh7coM0cMDUbTRcoa83b_RqKTeFw-d_dkVXTHs8CS9LiX3dhIDbu-RjU4jghczwB/s400/Amazon+course+281158.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 13.00-17.30 (อาจเกินนิดหน่อยนะคะ เพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก)<br />สถานที่ก็ที่ Silom Space ใกล้กับ BTS ศาลาแดง <br /><br />รายละเอียดคอร์ส คลิ๊กลิงค์ข้างล่างได้เลยค่ะ <br /><br /><a href="http://goo.gl/MQklJQ">http://goo.gl/MQklJQ</a><h3 class="post-title entry-title" itemprop="name" style="font-stretch: normal; margin: 0px; position: relative;">
<br /></h3>
<br />
<br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-4133576103832728252015-10-16T15:49:00.000+07:002015-10-18T08:29:03.020+07:005 วิธีที่จะทำให้ฝันคุณไม่สำเร็จ!!!หลินว่าโตจนป่านนี้ เราอ่านอะไรเกี่ยวกับ How to be successful กันมาเยอะนะคะ<br />
10 วิธีถึงฝั่งฝัน, 5 วิธีรวยเงินล้าน, 8 วิธีมีประสิทธิภาพในการทำงาน 6 วิธีเป็นมนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ขั้นเทพและอื่นๆ อีกเยอะเลย<br />
<br />
พอดีได้ไปดูคลิป TedTalk มาค่ะ ชื่อ<b> <span style="color: red;">5 วิธีที่ทำให้ฝันคุณไม่สำเร็จ!!</span></b> เห้ยยย..น่าสนใจ นี่มันตรงกันข้ามกับที่เราอ่านกันมาเย๊อะะเลยนี่ ดั๊นมาบอกวิธีทำลายฝัน ลองคลิกดูดีกว่า..<br />
<div>
<br /></div>
<div>
ดูจบแล้วได้เรื่องเลยค่าาา หลินว่าเค้าพูดได้ตรงใจมากๆ มันเป็นธรรมชาติของคนเราจริงๆ กับทุกๆ เรื่องของชีวิตที่หวังความสำเร็จเร็วๆ หวังว่าต้องมีใครมาคอยช่วยเหลือ หวังว่าใครสักคนต้องมาบอกสูตรเคล็ดลับให้ประสบความสำเร็จ และอีกสารพัดที่จะหวัง </div>
<div>
<br /></div>
<div>
ข่าวดีก็คือเดี๋ยวนี้มีสื่อฟรีๆ ให้เราเสพเยอะแยะเลย Role Models ก็มีเยอะแยะที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากสำเร็จมั่ง<br />
ข่าวร้ายก็คือมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวที่ว่าน่ะสิ ไม่ว่าคุณยอมควักเงินแพงแค่ไหนก็ตาม</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ติดตาม <b><span style="color: red;">5 วิธีที่ทำให้ฝันคุณไม่สำเร็จ!!</span></b> (5 Ways How Not to Follow Your Dream) จาก TedTalk ค่ะ^^<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAs4_1pVmG2iBcWOOkcerJKFQW4hFBh3TwOIZNtYcb1jED742T3U2rhvuEjdQdH7PIDibHNqYrhujLk-rNW9UoASZPJF4H5ZCIE7oRAkziRUgCqzm2N6iV5m4SEfSjSeLXe3Pv_4Xp1j78/s1600/blind-823530_1280.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAs4_1pVmG2iBcWOOkcerJKFQW4hFBh3TwOIZNtYcb1jED742T3U2rhvuEjdQdH7PIDibHNqYrhujLk-rNW9UoASZPJF4H5ZCIE7oRAkziRUgCqzm2N6iV5m4SEfSjSeLXe3Pv_4Xp1j78/s400/blind-823530_1280.png" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><u>วิธีแรก </u></b><span style="background-color: yellow;">เชื่อว่าความสำเร็จต้องมาชั่วข้ามคืน</span></div>
<div>
หุ หุๆ คุ้นๆ หรือป่าวคะ หลินว่าตัวเองก็เคยเป็นนะ เราคงเคยเห็นใครก็ตามรวยเร็วๆ แบบว่าเทพหุ้นมาเอง รวยสิบเด้งใน 2 ปี เรียนเก่งโคตรๆ อ่านหนังสือก่อนสอบวันเดียวได้เต็มแระ ทำธุรกิจแล้วก็ประสบความสำเร็จสุดๆ ขายดีถล่มทลาย (บางทีเราก็แอบคิดว่า ไรแว้? แค่ขายของแค่เนี้ย ทำไมขายดีนักอ่ะ! เราก็ทำได้ไม่เห็นยาก) โอ้โหห...เฮะะ! น่าอิจฉาเป็นบ้าเลยใช่ป่าวคะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ในความเป็นจริงสิ่งที่เราเห็นคือทฤษฏีภูเขาน้ำแข็ง คือเราเห็นแค่ก้อนลอยเหนือน้ำจิ๊ดเดียวที่เค้าประสบความสำเร็จ รู้ป่าวว่ากว่าจะมาถึงวันนี้เลือดออกทางเข่ามากี่หน ร้องไห้มากี่ครั้ง พยายามมากี่รูปแบบ ล้มมากี่ครั้ง เรารู้มั่งป่าว?? (ก้อนใหญ่บะเริ่มเทิ่มอยู่ใต้น้ำ)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดังนั้น ไม่มีความสำเร็จอะไรชั่วข้ามคืนหรอกค่าา มันแค่เพราะเราไม่เห็นเอง...ก็เท่านั้น<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><u>วิธีที่ 2</u></b> <span style="background-color: yellow;">เชื่อว่ามีคนจะให้สูตรสำเร็จกับตัวเองได้แน่นอน</span></div>
<div>
แน่นอนที่สุดว่าคุณเป็นที่รักของเพื่อนฝูง ครอบครัว เมื่อถึงเวลาที่ชีวิตมีทางแยก คุณต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ทุกคนที่รักคุณและคุณรักก็จะพร้อมใจกันมาให้ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรืออะไรก็ตามแต่ </div>
<div>
<br /></div>
<div>
แต่เชื่อไหม เราจะถามใครไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก เพราะเค้าไม่ใช่เราและเราไม่ใช่เค้า หลังจากคุณได้คำแนะนำจากเค้า ผ่านไปอีกสักพักชีวิตคุณก็จะถึงเวลาต้องตัดสินใจอีก แล้วเอาไงล่ะ?? ถามทุกคนที่รู้จัก 100 คน ได้ 100 คำตอบ แล้วคุณจะเลือกทางไหน?? หรือเอามายำรวมกันดีไหม??</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ในที่สุดแล้ว เราก็ต้องตัดสินใจเลือกเดินด้วยตัวเอง เพราะ "ไม่มี" ใครในโลกนี้ที่มีคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับเราทุกอย่างหรอกค่ะ แน่นอนว่าทางเดินที่คุณเลือกอาจจะสะดุดหกล้มบ้าง ไรบ้าง แต่บอกได้เลยว่านี่คือกระบวนของการเป็นชีวิตมนุษย์อย่างเราๆ นี่ล่ะ (ใครจะการันตีล่ะว่าถ้าทำตามคนอื่นๆ แล้วชีวิตเราจะไม่สะดุด แล้วถึงตอนนั้นจะโทษใคร??)</div>
<div>
<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<b><u>วิธีที่ 3</u></b> <span style="background-color: yellow;">เลิกเมื่อถึงเป้าเดียวในชีวิต</span></div>
<div>
แน่นอนว่าพอเราบรรลุเป้าอะไรสักอย่างที่เราวางแผนไว้ เราก็อยากจะเลิกใช่ป่าวคะ เหนื่อยเฟ้ย เสร็จซะที ><'</div>
<div>
<br /></div>
<div>
แต่จริงๆ ชีวิตเรามันไม่ได้มีเป้าหมายเดียว พอบรรลุแล้วเราก็ต้องพยายามๆ ต่อไปเพื่อไปถึงเป้าหมายใหม่ เป้าหมายต่อไป ถ้าเราผ่อนแรงลงมั่งมันก็อาจจะไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพราะมีฐานเดิมคอยหนุน แต่ให้เรามองอีกอย่างดีกว่าว่าถ้าเราใส่แรงลงไปอีกหน่อย พยายามอีกนิด เราจะไปได้ไกลกว่าเดิมเพราะมีฐานเดิมมาคอยหนุนต่างหาก</div>
<div>
<br />
<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<b><u>วิธีที่ 4</u></b> <span style="background-color: yellow;">โทษว่าความผิดพลาดทั้งหลายนั้นเป็นของคนอื่นและสิ่งอื่นๆ (ยกเว้นตัวเอง)</span></div>
<div>
ได้ยินกันบ่อยๆ ป่าวคะว่า โอ้ยย!..เศรษฐกิจไม่ดีอ่ะ เลยขายของไม่ดีเลย โอ้ยยย!..ชั้นมันไม่มี connection อ่ะ จะมีโอกาสออกหนังสือได้ไง โอ้ยยย!..หัวไม่ดีมาตั้งแต่เด็กอ่ะ เรียนไม่เก่ง โอ้ยย!...ได้ลูกน้องไม่เก่งอ่ะ ธุรกิจเลยไม่โต ฯลฯ (หลินก็เป็นแบบนี้เป๊ะๆ เลย เอาชีวิตจริงมาตีแผ่น่ะเนี่ย TT)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
จริงๆ แล้วฝัน "ของเรา" เราต้องเป็นคนรับผิดชอบฝันนี้เต็มๆ รับผิดชอบให้ฝันของเราสำเร็จ ใช่แล้วล่ะค่ะเศรษฐกิจไม่ดี ตลาดแย่ หาลูกน้องดีๆ ไม่ได้ ไม่มีหัวการค้า ไม่เคยทำ ฯลฯ แต่ถ้าไม่มีใครอยากซื้อหนังสือที่คุณเขียน ไม่มีใครอยากซื้อของที่คุณขาย ไม่มีใครอยากทำงานกับคุณเลย แสดงว่า "ตัวเรา" ต้องมีอะไรผิดพลาดแหงๆ แน่นอน</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ตัวเราต้องรับผิดชอบตัวเอง ถ้าฝันเราไม่เป็นจริง อย่าโทษคนอื่น<br />
<br />
<br />
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><u>วิธีที่ 5</u></b><span style="background-color: yellow;"> มุ่งแต่ถึงเป้าหมาย ลืมความสวยงาม (ของชีวิต) ระหว่างทาง</span></div>
<div>
เชื่อว่าชีวิตมีแต่เป้าหมายเท่านั้นอย่างอื่นไม่มี เหมือนอย่างเราไปปีนเขาที่สูงมากๆ ลูกนึง ตั้งตาตั้งตาปีนให้สำเร็จ พอไปถึงยอดแล้ว?? ดีใจกันแล้ว ?? ประมาณ 10 นาทีต่อมา เอาไงต่อฟร่ะ?? (ก็ต้องลงเขาดิ ถามได้??)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
จริงๆ ชีวิตไม่มีแค่ฝัน แต่ชีวิตคือการเดินทางเพื่อไปถึงฝันต่างหาก ดังนั้น สำคัญคือเราต้อง "มีความสุข" กับทุกย่างก้าวที่เดินไปหาฝัน ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาทำฝันให้เป็นจริง จนลืมไปเลยว่าความสวยงามข้างทางระหว่างที่เราเดินนี่เป็นไง</div>
<div>
<br /></div>
<div>
แน่นอนว่าบางก้าวเดินง่ายแฮะ พื้นเรียบดี บางก้าวดันล้มซะนี่ ก็ให้คิดว่าก้าวที่มันเรียบก็ควรจะดีใจว่า เห้ยย!..มันไม่ยากแฮะ ดีใจจัง ส่วนก้าวที่ล้มก็ให้คิดเป็นประสบการณ์จะได้ไม่ล้มท่าเดิมอีก (ท่าใหม่รออยู่ อิ อิ) </div>
<div>
<br /></div>
<div>
ที่สำคัญ อย่าลืมเราเองจะอาจไปไม่ถึงฝันก็ได้นะคะ แต่ไม่เสียใจหากพยายามเต็มที่แล้ว</div>
<div>
<br />
<br /></div>
<div>
หลิน^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
Credit: <a href="https://www.ted.com/talks/bel_pesce_5_ways_to_kill_your_dreams">https://www.ted.com/talks/bel_pesce_5_ways_to_kill_your_dreams</a><br />
<br />
ติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับงานเขียนอื่นๆได้ที่ Blog นี้ หรือที่ facebook fanpage ข้างล่างนะคะ<br />
<a href="https://www.facebook.com/ebookmakerich"><span style="color: blue;">https://www.facebook.com/ebookmakerich</span></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-54405862957290954932015-10-09T20:53:00.000+07:002015-10-09T20:53:26.682+07:0010 เรื่องที่คุณยังไม่รู้กับเทคนิคการใช้โซเชี่ยล!!<div style="background-color: white; box-sizing: border-box; color: #333333; font-family: freight-text-pro, Georgia, serif; font-size: 22px; line-height: 30.8px; margin-bottom: 20px;">
<span style="font-family: inherit;">เช่นเคยค่ะ กับบทความดีๆ ให้ความรู้ด้านเทคนิคต่างๆ สำหรับนักเขียน บทความนี้เป็นของฝรั่งค่ะ มีการทำสถิติสรุปในรูปแบบ infographic บอกเรื่องราวถึงวิธีการทำ marketing บนโลกโซเชี่ยล </span><br />
<span style="font-family: inherit;">หลินเลยขอจัดมาให้อ่านค่าา เอาไปพลิกแพลงตะแคงหงายกันได้ตามสะดวกเลยนะคะ^^</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span><span style="font-family: inherit;">ติดตามค่ะ</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><b><u>กฏข้อที่ 1</u></b> รู้หรือป่าวว่าเครื่องมือ platform ในโลกโซเชี่ยลมีกลุ่มลูกค้าไม่เหมือนกัน? ไม่ว่าจะเป็น facebook ,Twitter, Instragram, pinterest ฯลฯ</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">แน่นอนว่าต้องมีอันที่ซ้ำกันมั่ง คือมีคนที่ชอบอ่าน facebook ด้วยเล่น instragram ด้วย แต่ยังไงก็ตามแต่ละ platform ก็มีลักษณะเด่นพิเศษเฉพาะ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ติดตามชอบเป็นเฉพาะๆ กลุ่มไป</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 2</u> เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าโพส หรืออัพโหลด คือเวลาไหน?</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">แน่นอนที่สุดว่าต้องเป็นเวลาหลังเลิกงานนะคะ (เพราะในเวลางานต้องแอบๆ อิ อิ) โดยเฉพาะช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม (ของเมืองไทย หลินว่าเริ่มได้ตั้งแต่ 2 ทุ่มเลยนะ) ฝรั่งเค้าบอกว่าวันศุกร์เหมาะกะการอัพเฟส และวันอาทิตย์เหมาะกะรีทวิต O_o</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 3</u> รู้ป่าวว่าคนใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็น search engine ด้วย? (ประหนึ่่งว่าแทน google)</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">facebook เป็น Platform ที่นำโด่งเลยในข้อนี้เลยนะ (ไม่เแปลกใจคุณพี่มาร์ค รวยเอ้า รวยเอาเนอะ)</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 4 </u>สำหรับคนที่ใช้โซเชี่ยลเพื่อการตลาด ให้โพสเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเราสม่ำเสมอๆ (อันนี้รู้อยู่แล้วเนอะ)</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 5 </u> ในบรรดาประเภทโพสทั้งหมด โพสแบบไหนมีอิทธิพลต่อคนอ่านมากสุด??</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">แต่น แต้นท์... คำตอบคือโพสข้อความค่าา แต่หลินอยากเน้นว่าข้อความต้องน่าสนใจด้วยน้า ไม่งั้นคนอ่านจะใช้ดรรชนีนางเลื่อนไปอย่างไวเลย</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 6 </u> โพสด้วยรูปภาพได้รับความสนใจในการแสดงความคิดเห็นมากกว่าโพสอย่างอื่น อันนี้เห็นด้วยป่าวคะ?</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 7 </u> เมื่ออยู่ในโลกโซเชี่ยล ต้องยอมรับความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ เพราะต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่างจากเราแน่ๆ อย่ารบกันหน้า wall น้าา</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 8</u> ใช้โซเชี่ยลให้เป็นประโยชน์ ไว้หา feedback หาข้อมูล เข้าใจความต้องการของลูกค้า เข้าใจตลาด และอื่นๆ อีกแยะ อย่า search หาเม้ามอยดาราอย่างเดียว</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;"><u style="font-weight: bold;">กฏข้อที่ 9 </u> ข้อนี้เค้าบอกว่า 91% ของคนที่แสดงความคิดเห็น เป็นคนที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า 500 คน เรื่องนี้เค้าจะบอกอะไรเรานะ??</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">จากสถิตินี้ ตามความเข้าใจของหลินคือ เค้าจะบอกว่า เพราะคนกลุ่มนี้มี followers ไม่มากนัก ความเป็นส่วนตัวยังสูง ยังไม่เป็นบุคคลสาธารณะทางโซเชี่ยล จึงกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา ไม่ต้องคอยแคร์หรือกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์มากนัก </span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">ดังนั้นอย่าละเลยความคิดเห็นจากคนกลุ่มนี้น้าา</span><br />
<u style="font-family: inherit; font-weight: bold;"><br /></u>
<u style="font-family: inherit; font-weight: bold;"><br /></u>
<u style="font-family: inherit; font-weight: bold;">กฏข้อที่ 10 </u><span style="font-family: inherit;">จะให้คนอ่านติดตาม อย่าหวังว่าจะสำเร็จในคืนเดียว!</span><br />
<span style="font-family: inherit;">สร้างความน่าเชื่อถือและการติดตามต้องใช้เวลา หลินเขียนเพจมาตั้ง 5 ปีแล้วค่าาา แต่ยังคงสู้ต่อไป ไอ้มดแดง ^^ เฮ!</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">ลองปรับใช้กันดูนะคะ</span><br />
<span style="font-family: inherit;"><br /></span>
<span style="font-family: inherit;">หลิน^^</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://visual.ly/node/image/263796?_w=540" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://visual.ly/node/image/263796?_w=540" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="font-family: inherit;">ภาพจาก http://www.bustle.com/</span></div>
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-60913861971022931452015-10-01T22:40:00.000+07:002015-10-01T22:51:26.167+07:00วิธีโปรโมทเมพๆ สำหรับนักเขียนอิสระบนโลกโซเชี่ยล!!สวัสดีค่ะแฟนเพจทุกคน^^ เช่นเคยนะคะ หลินอ่านเจอเทคนิคดีๆ แหล่มๆ สำหรับนักเขียนอย่างเราเมื่อไหร่เป็นต้องมาบอกต่อ วันนี้เป็นเรื่องของเทคนิคดีๆ ในการใช้โซเชี่ยลโปรโมทหนังสือหรือสินค้าของตัวเองค่าา<br />
<br />
เดี๋ยวนี้คงต้องยอมรับกันเลยว่าคนดูมือถือบ่อยกว่าดูทีวีซะอีก อย่างตัวเองเนี่ย ทีวีที่บ้านเดี๋ยวเปิดวันละไม่ถึงหนึ่งชม. ชัวร์ ๆ แต่กะมือถือต้องชาร์ตแบตวันละสองรอบ O_o มันคืออาไล?? ดังนั้น เลยไม่น่าแปลกนะคะ ที่เดี๋ยวนี้สื่่อโฆษณาอะไรๆ ต่างก็มุ่งกันไปที่โซเชี่ยลกันซะหมด<br />
<br />
และเพราะสื่่อโซเชี่ยลมีข้อดีตรงฟรี !! (เฮ่) และถ้าพร้อมจะเสียเงิน ใครๆ ก็โฆษณาได้ ไม่ต้องเป็นเจ้าของสื่่ออีกต่อไป คนจึงหลั่งไหลมาโฆษณาฟรีและเสียเงินบนโลกโซเชี่ยลกันมากขึ้นๆ<br />
<br />
งั้นเรามารู้จักทำเทคนิคสื่อโซเชี่ยลฟรีๆ ให้มีอำนาจมากกว่าเดิมดีกว่า^^<br />
<br />
ติดตามได้เลยค่าา<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvt5UyrJnN6EyEZ5bD6ELC2h7F-HxGiaa18PUTX31azlG0nYiJe-jR7dT31OTNeAq4Za1CmWXMqsYwvAC9ErqUb2Kk-Q0rL_lAXEZ1cb8Tz_sHOicRdL1susnjej1cuDcnpTjM_RocwGPe/s1600/online-942410_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="281" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvt5UyrJnN6EyEZ5bD6ELC2h7F-HxGiaa18PUTX31azlG0nYiJe-jR7dT31OTNeAq4Za1CmWXMqsYwvAC9ErqUb2Kk-Q0rL_lAXEZ1cb8Tz_sHOicRdL1susnjej1cuDcnpTjM_RocwGPe/s400/online-942410_1280.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><u>1. ใช้โซเชี่ยลให้เป็นโซเชี่ยล ( Be Social)</u></b><br />
ข้อนี้ฝรั่งเค้าเล่นคำนะคะ คือในเมื่อเราใช้ "โซเชี่ยล" อยู่แล้วก็ทำตัวให้เข้า "สังคม" กะเค้าด้วยสิ! นั่นหมายถึงว่าเริ่มพูดคุยกะคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ แฟนเพจ แฟนบล็อก ในฐานะที่เป็นตัวเรา ให้ความเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย สนิทสนม ฯลฯ<br />
<br />
ซึ่งจะเป็นสไตล์ไหนแบบไหน ก็ต้องขึ้นกับบุคลิกลักษณะของแต่ละคนนะคะ หลายคนจะมีเส้นคั่นว่าจะแชร์มากแชร์น้อย?? แชร์เรื่องไหนดี? จุดนี้ต้องหาจุดตรงกลางของตัวเองที่ชอบ ที่โอเค แฮปปี้ที่จะทำค่า ไม่งั้นคนเก็บตัว แต่ต้องมาแชร์เรื่องส่วนตัว เดี๋ยวจะอึดอัดแย่ ว่าม่ะ?<br />
<br />
<b><u>2. หาวิธีโปรโมทแบบเนียนๆ</u></b><br />
เดี๋ยวนี้ เวลาเราจะให้ใครซื้อของๆ เรา วิธีเดิมๆ ที่ว่าบอกให้คนอื่นซื้อของเราหน่อยจิ แล้วทิ้งโบรชัวร์ไว้ ในโบรชัวร์บอกว่าซื้อได้ทีไหน แค่เนี้ยแล้วเราก็จากไป วิธีเดิมๆ ที่ว่าตอนนี้อาจจะยากซะหน่อยที่คนจะสนใจซื้อของๆ เราว่าไหมคะ??<br />
<br />
เค้าแนะนำว่าเราควรเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อาจจะไป join group ที่เราสนใจหลายๆ group ซึ่งเกี่่ยว กับสินค้าของเรา ช่วยตอบคำถามที่คนอื่นถามมา (ถ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เรารู้) และเมื่อมีโอกาสก็พูดถึงของๆ เราซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ของลูกค้าได้ นับว่าเป็นวิธีโปรโมทเนียนๆ ที่คนอ่านจะแฮปปี้มากกว่าที่เรา hard sell ตรงๆ<br />
<br />
<b><u>3. ช่วยคนอื่นเสมอ</u></b><br />
เมื่อมีโอกาส สนับสนุนคนอื่นในโลกโซเชี่ยลเสมอๆ เช่น ช่วยแชร์ ช่วยชม ช่วยเขียนโพสสนับสนุน ช่วย Like ฯลฯ ถ้าทำแบบนี้เรื่อยๆ ตัวเราเองก็จะได้รับการช่วยเหลือในทำนองเดียวกันเหมือนกันค่ะ ในระยะยาวจะเป็นการสร้างฐาน connection ที่ดีมีประโยชน์ต่ออาชีพของเราอย่างแน่นอน^^<br />
<br />
หลังจากเล่าเรื่องที่ "น่าทำ" บนโลกโซเชี่ยลแล้ว ฝากท้ายอีกนิดสำหรับเรื่องที่ "ไม่น่าทำ" ค่ะ<br />
<br />
เค้าว่าคนเรามักจะชอบลืมว่าเรากำลังหาวิธีใช้ "โซเชี่ยลมีเดีย" (Social Media) อยู่ไม่ใช่ "เซลลิ่งมีเดีย" (Selling Media) ซะหน่อย! วิธีการที่เราชอบเห็นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือไทยก็คือ join มันทุก group และขายๆๆๆๆๆๆ โพสๆๆๆๆ ข้อความเดิมๆ ลูกเดียว ทุกวันๆๆ โพสแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับ spam หรือ junk mail นั่นเองค่ะ และแน่นอนที่สุดคนที่เห็นบ่อยๆ ซ้ำๆ ก็จะกด hide, delete หรือไม่ block เราไปเรยก็ได้ ถึงแม้ว่าของๆ เราจะดี จะคุณภาพสูง หรือถ้าเป็นหนังสือก็เป็นหนังสือดี แต่ถึงตอนนั้นใครจะสนเท่าไหร่? ว่าไหมคะ??<br />
<br />
หวังว่าจะได้ประโยชน์กันนะคะ^^<br />
<br />
หลิน<br />
<br />
<br />
<a href="http://www.selfpublishingadvice.org/4-top-social-media-rules-for-indie-authors/?utm_campaign=shareaholic&utm_medium=facebook&utm_source=socialnetwork">http://www.selfpublishingadvice.org/4-top-social-media-rules-for-indie-authors/?utm_campaign=shareaholic&utm_medium=facebook&utm_source=socialnetwork</a>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-63030918512437034362015-09-21T21:34:00.000+07:002015-09-21T21:37:56.044+07:00ยินดีด้วยกับชาว Indie Publisher (นักเขียนอิสระ)!! <div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่เหมือนกันนะคะ ว่าตกลง eBook จะมาจะไป จะรุ่งหรือไม่รุ่ง บางกระแสก็ว่าไม่มีทางหร้อกที่ eBook จะไปได้เพราะใครๆ ก็ชอบจับ ชอบสัมผัสหนังสือ ชอบเขียนลงไปในหนังสือ eBook ไม่ตอบโจทย์ตรงนี้เล้ย บางกระแสก็ว่าเดี๋ยวนี้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป๋ คนอยู่คอนโดอยากจะเก็บหนังสือเยอะๆ ก็ไม่มีที่เก็บ แถมจะพกหนังสือหลายๆ เล่มไปไหนก็หนักลำบากสารพัด eBook ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีที่ซู้ดดด</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
แต่ไม่ว่าจะเป็นไงก็ตามนะคะ กระแส eBook เมืองนอกเค้ามาแรงซะเหลือเกิน วันนี้หลินเลยรวบรวมมาแชร์กันค่าา </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
รายงานยอดขายของ Amazon Kindle eBook ล่าสุด เค้าเก็บตัวอย่างจากหนังสือ 200,000 เล่มแรกที่ขายดี (ซึ่งทำยอดขายรวมกันเท่ากับ 55% ของยอดขาย eBook ทั้งหมดบน Amazon) แล้วเอามาจัดทำสถิติ ไปดูกันดีกว่าค่ะ</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<u><span style="font-size: small;"><b>อัตราส่วนอันดับหนังสือ eBook ขายดี แยกตามประเภทของผู้จำหน่าย</b></span></u><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
หลินดูแบบคนไม่เก่งเลขนะ กราฟวงกลมข้างล่างนี่ เทียบเดือนพฤษภาคมกับเดือนมกราคมปีนี้ทั้งคู่ จำนวนหนังสือที่ขึ้นอันดับขายดี ที่เขียนโดยนักเขียนอิสระ (คือนักเขียนอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่สังกัดสำนักพิมพ์ใดเป็นล่ำเป็นสัน) เพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 26% </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
โดยที่หนังสือสังกัดสำนักพิมพ์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต่างก็มีอัตราส่วนหนังสือที่ขึ้นอันดับขายดีลดลงค่ะ </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/may-2015-combined-titlecount.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/may-2015-combined-titlecount.png" height="249" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<u><b>อัตราส่วนยอดขายต่อวันของหนังสือขายดี</b></u><br />
<u><br /></u>
เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับข้างบนค่ะ ยอดขายหนังสือของนักเขียนอิสระก็เพิ่มขึ้นจาก 33% เป็น 38% ค่ะ คนที่โดนแย่งส่วนแบ่งไปเยอะสุดคือ สำนักพิมพ์ใหญ่ 5 อันดับแรก ที่ยอดขายตกลงไปถึง 17% เลยล่ะ<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/may-2015-combined-unitsales.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/may-2015-combined-unitsales.png" height="247" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<u><b>ดูเทรนด์ย้อนหลัง 15 เดือน ยอดขาย eBook</b></u></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<u><br /></u></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
เฮ้ยย นี่มันขาขึ้นชัดๆ!สำหรับชาวอินดี้ ทั้งจำนวนเล่ม และรายได้เลยนะเนี่ย!</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/201505-marketshare-trend-unitsales-datefix.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/201505-marketshare-trend-unitsales-datefix.png" height="313" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/201505-marketshare-trend-authorearnings-datefix.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://authorearnings.com/wp-content/uploads/2015/05/201505-marketshare-trend-authorearnings-datefix.png" height="292" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
หลินเอามาให้ดู ศึกษาความเป็นไปของตลาด eBook กันไว้ค่ะ ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆจะทำ eBook แต่ไม่เอาไปขายบน Amazon ก็ตาม อยากจะแค่ขายในไทย ก็ควรจะดูไว้อยู่ดีนะ เพราะเทรนด์มันตามกันไป ไม่เว้นแม้ในบ้านเรา ดูแล้วคันไม้คันมือ อยากจะทำ eBook กันมั่งงงรึยังล่ะคะ? </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
หลิน^^</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
ป.ล. หลินมีคอร์สสอนวิธีเอาหนังสือไปขายที่ Amazon วันที่ 26 กย.นี้ค่าา ถ้าว่างมาเจอกันให้ได้นะคะ^^</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/07/amazon_12.html" target="_blank">http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/07/amazon_12.html </a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="font-size: x-small;"><em style="background-color: white; border: 0px; box-sizing: border-box; color: #444444; font-family: Lato, sans-serif; line-height: 30.6px; margin: 0px; outline: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">Note:all graphs in this blogpost were originally published by <span class="skimlinks-unlinked" style="border-image-outset: initial; border-image-repeat: initial; border-image-slice: initial; border-image-source: initial; border-image-width: initial; border: 0px; box-sizing: border-box; font-family: inherit; font-style: inherit; font-weight: inherit; margin: 0px; outline: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">AuthorEarnings.co</span></em><span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Lato, sans-serif; line-height: 30.6px;">m</span></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Lato, sans-serif; line-height: 30.6px; text-align: left;"><br /></span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<span style="background-color: white; color: #444444; font-family: Lato, sans-serif; line-height: 30.6px; text-align: left;"><br /></span></div>
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-81031078480830204492015-09-21T21:28:00.000+07:002015-09-21T21:28:37.921+07:005 เทคนิคโปรโมทตัวเองสำหรับนักเขียนมือใหม่!!ทุกครั้งที่หลินไปแชร์ประสบการณ์ทำไงให้หนังสือขายดี? มักจะมีคำถามที่เกิดขึ้นในคลาสบ่อยๆ คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามที่หลายๆ คนคาใจ หนึ่งในนั้นก็คือเวลาทำหนังสือขายแค่ทำหนังสือดีๆ ออกมาวางขาย (ทั้ง Offline หรือ Online) ก็เสร็จแล้วใช่ป่าว? แค่วางไว้เฉยๆ หนังสือก็ขายเองเลยได้ใช้ไหม??<br />
<br />
สำหรับคำถามยอดฮิตแบบนี้ หลินเองแต่ก่อนจะตอบว่าใช่ แต่เดี๋ยวนี้<b><u>ไม่ใช่</u></b>แล้ว O_o'<br />
<br />
ทำไมถึงเป็นงั้นล่ะ?<br />
<br />
ตามความคิดของหลิน เดี๋ยวนี้คนเราวันๆ ได้ข้อมูลถล่มทลายมากมาย Newsfeed ใน Facebook มีไม่รู้เท่าไหร่ บางคนมี friends เยอะๆ มาก อ่านแทบไม่ทันทีเดียว แถมที่สำคัญคนเรายังมีความอดทนน้อยลงๆ ที่จะรออ่านอะไรที่คิดว่าไม่น่าสนใจไม่ได้อีกแล้ว<br />
<br />
ผลวิจัยบอกว่า <b>คนเราสามารถอดทนอ่านโพสโซเชี่ยลได้แค่ 8 วินาที</b> ??!!!! <br />
<br />
แปลว่าไรนะ?? ก็แปลว่าหลังจากนั้น ถ้าไม่โดน ก็เขี่ยหน้าจอให้ผ่านค่าาา TT เศร้าแพรบเขียนแทบตายแน่ะ!!<br />
<br />
ถ้าอย่างงั้น วันนี้เรามารู้จักวิธีโปรโมทตัวเองแบบฉบับนักเขียนกันดีกว่าค่าา ประยุกต์ใช้ได้ทั้งตลาดไทยและตลาดนอกนะคะ ติดตามกันเรยยย^^^<br />
<br />
<b><u>ข้อ 1 เขียน Blog</u></b><br />
พอพูดถึงเขียน Blog หลายคนอาจร้องยี้ ใครจะอ่าน? เดวนี้ Blog เยอะแยะไปหมดแล้ว!!<br />
<br />
<u>ตอบ</u> ในความคิดของหลิน หลินคิดว่า Blog เหมาะมากสำหรับนักเขียนมือใหม่ค่ะ เพราะได้ฝึกฝนการเขียน ลองตลาดของตัวเอง เพราะในช่วงแรกๆ เรายังไม่รู้หรอกว่าตลาดเป็นไง? อยากอ่านแบบไหน? เราเขียนได้ไหม? ต้องปรับเบา หนัก อ่อน ตรงไหนอีก??<br />
<br />
<b>ว่ากันง่ายๆ ถ้าเขียนให้อ่านฟรี ยังไม่มีคนอยากอ่าน วันนึงเราจะออกหนังสือจะมีคนซื้อเหรอ?</b><br />
<br />
แต่ถ้าเราจับทางถูก เราจะมีแฟนคลับของตัวเอง แฟนคลับกลุ่มนี้ล่ะค่าา เป็นผู้คอยสนับสนุนเรา คอยแชร์ post แชร์ผลงาน แชร์งานเขียนของเรา คนก็จะรู้จักเรามากขึ้น ซึ่งมีผลอย่างมีนัยนะต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราในอนาคตค่ะ<br />
<br />
ถ้ามี Blog ของตัวเองแล้ว ก็ต้องพยายามโพสให้สม่ำเสมอ Blog ที่หมั่นโพสจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นๆ Blog มีแห้งเหี่ยว ว่างทีโพสที จะเสียความนิยมกลายเป็นดาบสองคมซะงั้น<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_Js7OxTJw-s3vv26hnIytFlvYnjbMzV4ChI_TXMgzgIw_AMBcnbI-r3Jusf7knxcniqxiPHY280hH_74DqSVpZ4YZQz6rVgT2UZVw4DExwMxKpJmhkNVsxB31i6ZPvV3ergEle-GRUkRJ/s1600/blog-684748_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_Js7OxTJw-s3vv26hnIytFlvYnjbMzV4ChI_TXMgzgIw_AMBcnbI-r3Jusf7knxcniqxiPHY280hH_74DqSVpZ4YZQz6rVgT2UZVw4DExwMxKpJmhkNVsxB31i6ZPvV3ergEle-GRUkRJ/s320/blog-684748_1280.jpg" width="320" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><u>ข้อ 2 วางแผนโครงสร้างของ Blog เรา</u></b><br />
ทำไมต้องวางแผน? นึกอยากเขียนอะไรก็เขียนเลยไม่ได้เหรอ??<br />
<br />
<u>ตอบ</u> จิงๆ แล้วได้ค่า แต่การวางแผนโครงสร้างว่า Blog เราจะพูดเรื่องอะไรมั่ง จะทำให้จับกลุ่มเป้าหมายหรือแฟนคลับเราได้ชัดๆ ไม่สะเปะสะปะ ไม่จับฉ่ายในหม้อ ชัดเจนในจุดยืนว่างั้น<br />
<br />
ในทางกลับกันผู้อ่าน Blog เราก็ชัดเจนที่จะชอบเราด้วยนะ คาดว่าจะมาพัฒนางานเขียน ตาม Blog ของหลิน วันนึงหลินจู่ๆ ลุกขึ้นขายครีมหน้าขาว ผู้อ่านคง unfollow โดยไม่ต้องคิด ถูกไหม?<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b><u>ข้อ 3 สร้าง connection กับคนอื่น</u></b><br />
ทำไมต้องสร้าง? แค่เขียนหนังสือ ต้องรู้จักคนมากมายด้วยเหรอ? เป็นคนเก็บตัว ไม่อยากเจอใครอ่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhFmHv12-lAvo5us-b4U1wgASojHvZv5U39tkwkIDhK1rId-MggBbUSSdUa6lWBdpqVsCxy4FTqFZ5Kc6ZGfhbRf5Q1A6u537zjTh8j3pQ8Pn-EwGdoosrShMCTZJMCT159C_tQcyAXD0m/s1600/fotolia_57128726_subscription_monthly_m.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhFmHv12-lAvo5us-b4U1wgASojHvZv5U39tkwkIDhK1rId-MggBbUSSdUa6lWBdpqVsCxy4FTqFZ5Kc6ZGfhbRf5Q1A6u537zjTh8j3pQ8Pn-EwGdoosrShMCTZJMCT159C_tQcyAXD0m/s320/fotolia_57128726_subscription_monthly_m.jpg" width="320" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-size: x-small;">ภาพจาก kassaone.ru</span></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<u>ตอบ</u> การสร้าง connection ที่ดีกับคนอื่นๆ ในธรุกิจเดียวกัน หลินว่าเป็นเรื่องดีมากกว่าไม่ดีอยู่แล้วนะคะ ถ้าในวงการนักเขียน ก็คงต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนนักเขียนคนอื่น สำนักพิมพ์ กราฟฟิค คนจัดหน้า บก. นักเขียน ghostwriter ฯลฯ เอาไว้</div>
<br />
คงจะไม่มีใครเถียงว่า connection ที่ดีทำให้งานง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น ใช่ไหม?<br />
<br />
หลินแนะนำว่าโซเชี่ยลทุกประเภทเป็นคำตอบที่ดี แล้วแต่จะเลือกใช้เพราะมันง่าาายและฟรีค่าา (เค้าชอบของฟรีๆ อิ อิ)<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><u>ข้อ 4 เป็นแขกรับเชิญใน Blog อื่น หรือมีบทสัมภาษณ์คนอื่นใน Blog เรามั่ง</u></b><br />
ทำแล้วได้อะไรเหรอวิธีเนี้ย? กลัวจะเหนื่อยฟรีอ่ะดิ?<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYzLnXfVkVnmzJ9WzIGCQ8FoYyRXr4QScZu1OHRMZh4m_00REMgfrdfMZ-3lVkekPmQZLFHIKcchj9tnVoFCyaIHGnWLEthDav84myV7yZrNByGP1T1vVnUa1VTJFlzSejqdklY28BpxXO/s1600/10870854165_96f941a94f_b.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYzLnXfVkVnmzJ9WzIGCQ8FoYyRXr4QScZu1OHRMZh4m_00REMgfrdfMZ-3lVkekPmQZLFHIKcchj9tnVoFCyaIHGnWLEthDav84myV7yZrNByGP1T1vVnUa1VTJFlzSejqdklY28BpxXO/s320/10870854165_96f941a94f_b.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<u>ตอบ</u> วิธีนี้เหมือนช่วยให้เราได้โฆษณาตัวเองบนฐานของแฟนคลับของ Blog อื่น ในทางกลับกันเวลาเราเชิญใครมาเป็นแขกรับเชิญใน Blog เรา ก็เหมือนสร้างสีสันให้กับ Blog เราเองด้วย ไม่น่าเบื่อ<br />
<br />
หลินเองก็ไปสัมภาษณ์ใน CEO Blogger ในฐานะแขกรับเชิญ ด้วยเหตุผลนี้เหมือนกันค่าา คลิกโลด<br />
<a href="http://www.theceoblogger.com/1507006/">http://www.theceoblogger.com/1507006/</a><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b><u>ข้อ 5 เวลาโปรโมททั้งที อย่าโปรโมทแต่หนังสือ ให้โปรโมทตัวเองด้วย</u></b><br />
ทำไมต้องทำอย่างงั้นล่ะ?<br />
<br />
<u>ตอบ</u> เพราะอย่างงี้ค่ะ หนังสือของเราหรือผลิตภัณฑ์จากเรา ต่อๆ ไปก็คงไม่ได้มีแค่เล่มเดียวหรืออย่างเดียว ก็คงมีหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้นๆ การโปรโมทแค่หนังสือเล่มเดียวของเรา หลินว่าไม่ยั่งยืนเท่ากับโปรโมทตัวเองในฐานะนักเขียน เพราะเมื่อเรามีแฟนคลับที่ติดตามแล้ว ต่อไปเราจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อะไร ก็จะมีคนกลุ่มนี้คอยสนับสนุน เค้าสนับสนุนเพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากเรา ไม่ใช่เพราะแค่เคยเห็นหน้าปกหนังสือเล่มนี้เฉยๆ เพราะถ้าโปรโมทแต่หนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง ต่อไปเมื่อหน้าปกเปลี่ยน เค้าก็จำไม่ได้ล่ะว่าใครเขียน??<br />
<br />
ลองเอาไปปรับใช้ดูกันนะคะ^^<br />
<br />
หลิน<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-40228514145106364412015-09-17T16:00:00.000+07:002015-09-18T12:58:53.120+07:009 เทคนิคเขียนให้ได้ 5,000 คำใน 1 วัน!! :)อย่างที่เรารู้ๆ กันว่า รักจะทำงานเขียน ต้องฝึกฝนการเขียนอย่างสม่ำเสมอนะคะ^^ ที่นี้ปัญหาอยู่ที่ บางทีนึกเรื่องที่จะเขียนไม่ออก ไม่รู้จะเขียนอะไรดี จะทำยังไงถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ ?<br />
<br />
วันนี้หลินมีเทคนิคของฝรั่งมาแชร์ เค้าอ้างว่าด้วยวิธีนี้ทำให้เค้าเขียนได้ถึง 5,000 คำใน 1 วันเลยล่ะค่ะ ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ^^ ถึงแม้อาจจะทำได้ไม่ถึง 5,000 คำอย่างเขา แต่ต้องดีกว่าเดิม ชัวร์!<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQHrAsjCytcww5kM7o1r8eejG3HQjEckn9K2AeG_dbwOfZDcIU3waSdffC4qpBJs3EuKy8CZqNg-UsWvZi0sw_7pM2eq45i2Qo0ymMtzOu0FGD3rEFyfk2sXGH-4xxySi0P25UrleEU-qM/s1600/writing-923882_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQHrAsjCytcww5kM7o1r8eejG3HQjEckn9K2AeG_dbwOfZDcIU3waSdffC4qpBJs3EuKy8CZqNg-UsWvZi0sw_7pM2eq45i2Qo0ymMtzOu0FGD3rEFyfk2sXGH-4xxySi0P25UrleEU-qM/s400/writing-923882_1280.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b>1. ให้เขียนตอนเช้า</b><br />
เค้าบอกตอนเช้าคนเรามักมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด แล้วค่อยถูกๆ ทำให้ไขว้เขว ถูกรบกวนด้วยนู่นนั่นนี่ ทำให้ประสิทธิภาพลดลงเรื่อยๆ โดยเริ่มตั้งแต่เที่ยงถึง 4 โมงเย็น<br />
<br />
ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง ถ้าเราเอาเวลานี้มาฝึกฝนการเขียนในตอนเช้าได้ ก็จะเยี่ยมฝุดๆ เลยนะคะ^^ แต่หากบางคนบอกว่า แหม!ไม่สะดวกเลยอ่ะ ตอนเช้าเนี่ย เพราะต้องทำโน่นนี่เยอะแยะ วุ่นวาย ไหนยังต้องทำงานประจำอีกด้วยด้วย ไม่ว่างมาเขียนตอนเช้าสิ<br />
<br />
ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องมาเขียนตอนเลิกงาน จริงๆแล้วที่ว่า หากเลือกได้ให้เลือกตอนเช้านั้นก็คือ สมองเรายังปลอดโปร่งอยู่นั่นเอง ดังนั้นหลังจากที่เราทำภารกิจมาทั้งวัน ก่อนที่จะเริ่มลงมือเขียน ให้ผ่อนคลายจิตใจก่อนค่ะ จะฟังเพลงเบาๆหรือวิธีไหนก็ได้ที่ถูกจริตเรา ทำให้เกิดสมาธิก่อนเริ่มเขียน ก็เป็นวิธีชดเชยกับการที่เราไม่สามารถเลือกช่วงเวลาเช้าได้ค่ะ<br />
<br />
<b>2. คอยพักเรื่อยๆ ระหว่างเขียน</b><br />
การเขียนรวดเดียวจนจบโดยไม่พักเลย จะมีข้อเสียตรงที่ทำให้พลังงานของเราหมดแม็กอย่างรวดเร็วค่ะ เทคนิคก็คือควรพักอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่เขียน เช่น ทุก 25 นาที พัก 5 นาที ฝรั่งเค้าว่าวิธีนี้ช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย<br />
<br />
บางคนใช้วิธีตั้งเวลาจะใช้มือถือหรือใช้ app โหลดฟรีก็ได้ พอถึงเวลาดังเตือนก็หยุดสักแป๊ป<br />
<br />
<b>3. เขียนให้ได้ทุกๆ วันๆ</b><br />
ข้อนี้เป็นไปตามกลไกว่า ฝึกเขียนทุกๆ วันๆ ก็ช่วยให้เขียนได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ลื่นไหลขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลงๆ ค่ะ<br />
<br />
<br />
<b>4. กำจัดสิ่งที่คอยรบกวนให้หมด</b><br />
ข้อนี้หลินก็เป็นนะคะ แต่ก่อนเคยใช้เวลาอยู่กับ internet แบบไม่รู้ตัว ท่องเว็บไปเรื่อยๆ อ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องดารา เรื่องอะไรต่อมิอะไร เหมือนกับฆ่าเวลาไปงั้น ๆ<br />
<br />
แต่ทำเป็นเล่นไป ในที่สุดก็ใช้เวลาบนหน้าจอ (แบบไร้สาระ ไม่ได้อะไรขึ้นมา เช่น เม้าท์มอยดารา) วันละหลายๆ ชั่่วโมงแบบไม่รู้ตัวเลย<br />
<br />
วิธีที่หลินใช้ตอนนี้ก็คือ เขียน list ที่สำคัญและต้องทำแน่ๆ ในแต่ละวันออกมา และพยายามทำใน list ให้เสร็จก่อน ขีดฆ่าหัวข้อที่ทำเสร็จแล้ว บอกตัวเองว่าถ้าไม่เสร็จก็อดท่อง internet ด้วยวิธีนี้หลินค้นพบว่ามัน work เลยค่ะ งานก็ไม่ค้างและเป็นไปตามแผนด้วย ลองดูนะคะ^^<br />
<br />
<br />
<b>5. อย่าเสียเวลานั่งคอย คิดถึงไอเดียบรรเจิดเพริดแพร้ว ฝันกลางวันหรือใจลอยไปไหนถึงไหน??!?</b><br />
หลายคนเวลาจะลงมือเขียนมักอ้างว่าไม่มี "ฟิลลิ่ง" (feeling)<br />
<br />
คำถามคือฟิลลิ่งตอนนี้ไม่มีแล้วตอนไหนถึงจะมี ?<br />
<br />
แต่หากว่าฟิลลิ่งไม่บังเกิดจริงๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศที่ทำงานดูบ้างก็ดี อาจจะเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนดอกไม้ในแจกัน เปิดเพลงเบาๆ ที่สำคัญคืออย่าเอามันมาเป็นข้ออ้างในการไม่เขียนค่ะ<br />
<br />
ความจริงก็คือจะเขียนเก่งขึ้นได้ก็ต้องการ การฝึกฝน เหมือนจะผอมก็ต้องออกกำลังกาย มัวแต่รอฟิลลิ่ง ฝันกลางวัน ใจลอยยยไปนู่น คงไม่ได้เก่งขึ้นมาด้วยวิธีนี้เท่าไหร่<br />
<br />
ลืมตาตื่นแล้วลงมือเขียนจะดีกว่าาาา.........เนอะ<br />
<br />
<br />
<br />
<b>6. เริ่มการเขียนเป็นสิ่งแรกของวัน</b><br />
เค้าว่า (ซึ่งหลินว่าจริง) ถ้าเราเริ่มการทำงานด้วยการเช็ค email, website, Twitter, หรือ Facebook. เราจะไม่ได้หันมาเขียนซะที<br />
<br />
มีงานวิจัยมาสนับสนุนด้วยว่า social media ทั้งหลายทำให้เกิดภาวะยากที่หยุด คล้ายๆ กับการติดยาหรือติดสารอะไรบางอย่าง คือเริ่มเล่นแล้วต้องเล่นไปเรื่อยๆ<br />
<br />
ดังนั้น ถ้าเราเริ่มงานในแต่ละวันด้วย social media คงยากที่งานเขียนของเราจะสำเร็จได้ค่ะ TT<br />
<br />
<b>7. อย่าเขียนไป edit ไป</b><br />
เพราะว่าจะไม่เสร็จซักที ทำไปแก้ไป แก้ไปแก้มาไม่ถูกใจ แก้บรรทัดนี้กลับไปแก้ย่อหน้าที่แล้วอีก ถ้าเป็นอย่างนี้ จะคืบหน้าได้ยังไง?<br />
<br />
วิธีแนะนำคือจะเขียนอะไรก็เขียนให้เสร็จก่อน จะเป็นบทความ เรื่องสั้น ไดอารี่หรืออื่นๆ แล้วค่อยกลับมาแก้งานทีหลังค่ะ^^<br />
<br />
<b>8. ใช้จอmonitor 2 จอ</b><br />
เคยเป็นไหมคะ ที่ต้องค้นคว้าข้อมูลไปแล้วก็เขียนไปด้วย หน้าต่างบนจอคอมเยอะแยะไปหมด สลับหน้าต่างไปมา อ่านหน้าต่างโน้นเขียนหน้าต่างนี้ ยุบโน่นเปิดนี่ กว่าจะเขียนเสร็จก็นาน แต่ไม่สำคัญเท่าขาดความต่อเนื่องของอารมณ์ในการเขียนนี่สิ <br />
<br />
เค้ามีวิธีค่ะ ให้เซ็ตคอมพิวเตอร์ให้ใช้ได้สองหน้าจอพร้อมกัน แล้วแยกเลยค่ะ จอนี้ไว้สำหรับงานเขียน อีกจอนึงก็ไว้สำหรับหาข้อมูล จะได้ไม่ปนกัน ดูจอโน้นพิมพ์จอนี้ งานก็เร็ว อารมณ์ก็ต่อเนื่องขึ้นด้วยล่ะ<br />
<br />
<b><br /></b>
<b>9. กฏระเบียบทั้งหลายคือเราเป็นคนสร้าง สร้างได้ก็พังได้!</b><br />
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง แต่เค้าก็ไม่ใช่เราอยู่ดีค่ะ ลองเอาแนวทางของคนอื่นๆ มาปรับใช้ อะไรเหมาะกะตัวเองก็จัด อะไรไม่เหมาะก็ทิ้งไป<br />
<br />
อย่าไปเครียด กดดันตัวเองมาก ทำงานให้สุข ให้สบาย จะได้ผลงานที่ดีกว่าคะ<br />
<br />
ลองดูกันนะคะ^^<br />
หลิน<br />
<br />
เรียบเรียงจาก HOW TO WRITE 5,000 WORDS A DAY โดย THERYANLANZ<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-42014623627748071752015-09-12T22:02:00.000+07:002015-09-12T22:02:00.242+07:00เข้าคอร์สนักเขียนไม่ได้ช่วยให้คุณเขียนดีขึ้นหรอกนะ ถ้า....???เดี๋ยวนี้มีคอร์สนักเขียนเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องดีค่ะ เพราะแสดงให้เห็นว่าตลาดหนังสือไม่ว่าจะเป็นหนังสือเล่มหรือ eBook ยังคงไปได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนจะซบเซายังไง บทความที่เป็น content ต่างๆ ก็เป็นที่ต้องการมากขึ้น เพื่อเอาไปลง social media ดึงดูดให้คนเข้าไปดู และซื้อสินค้าในที่สุด จะเห็นได้จากตลาดซื้อขายบทความหรืออาชีพ ghostwriter ที่คึกคักมากๆ นะคะ<br />
<br />
จริงๆ แล้วหลินอยากจะบอกว่าการเข้าคอร์สไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ ถึงแม้จะได้เรียนกับอาจารย์ขั้นเทพ เรียนมาหลายคอร์ส เป็นศิษย์หลายสำนัก แต่หากไม่เคยลงมือเขียนเลยสักครั้ง หรือลงมือแล้วแต่ขาดความสม่ำเสมอ เราก็ไม่สามารถมีก้าวแรกในการเป็นนักเขียนที่ดีได้ค่ะ<br />
<br />
ตัวหลินเอง รู้ตัวว่ายังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปอีก ก็มีตารางการเขียนในหนึ่งอาทิตย์เลยค่ะ ว่าจะเขียนอะไรบ้างและเขียนยังไง และพยายามยึดกับตารางนี้ให้ได้ ฝนจะตกแดดจะออก ก็จะต้องเขียนให้ได้ตามเป้า ถึงแม้บางทีจะเหนื่อยโฮกๆ ก็ตาม<br />
<br />
เพราะว่าอ่านมาหลายตำรา เรียนมาก็เย๊อะะ กูรูหลายคนบอกตรงกันว่าการเขียนบ่อยๆ และการฝึกฝนซ้ำๆ จะเป็นเป็นปัจจัยหลักให้เราเป็นนักเขียนที่ดีได้ค่าา :)<br />
<br />
นอกจากนี้ การเขียนไม่ใช่ว่าแค่เรียนรู้เทคนิคแล้วจะทำได้ทันทีนะ ไม่งั้นศิษย์ครูเดียวกันคงจะเก่งเหมือนกันหมด จริงๆ แล้วมันคือการสร้างทักษะล้วนๆ เป็นทักษะการเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนอ่าน สื่ออารมณ์และความคิด ทักษะในการถ่ายทอดความรู้ให้ถึงและเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าหรือคนอ่านของเรา<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSwf-rp1t78xlBtz1gSHk4mmThIQTKmQHLHCQyN8dJChe_Y_-e08cAliPXV6A_Y9QyQz3NXO84nvZnygh1fx5DE3Zll88UzVOFs7L9zd3JnfBiVn98KjGZQBvvfa6HK5QyagG23AGy8oPq/s1600/entrepreneur-593378_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSwf-rp1t78xlBtz1gSHk4mmThIQTKmQHLHCQyN8dJChe_Y_-e08cAliPXV6A_Y9QyQz3NXO84nvZnygh1fx5DE3Zll88UzVOFs7L9zd3JnfBiVn98KjGZQBvvfa6HK5QyagG23AGy8oPq/s400/entrepreneur-593378_1280.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
เทียบง่ายๆก็เหมือนกับการว่ายน้ำ เราแค่ฟังวิธีการหรือรู้ทฤษฎีจะว่ายน้ำได้ไหม? คำตอบก็คือไม่ได้ค่ะ เราต้องลงสระฝึกว่ายน้ำ กว่าจะเป็นก็สำลักน้ำไปหลายอึกเลยนะ<br />
<br />
การเขียนก็เช่นเดียวกัน แค่นั่งฟังในคอร์สไม่ได้ทำให้เราเก่งขึ้น ต้องลงมือเขียนด้วยตัวเอง กว่าจะเก่งก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนค่ะ จะยาวจะสั้นแค่ไหนไม่มีใครตอบได้ เพราะพื้นฐาน ครอบครัว ความชำนาญ ฯลฯ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทฤษฎีหรือเทคนิคในคอร์สที่เรียนมาจะช่วยก็ตรงนี้แหละค่ะ คือย่นระยะเวลาลองผิดลองถูกให้น้อยลง ให้เราเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงๆ ของครู จากนักเขียนเก่งๆ สุดท้ายนำมาปรับใช้ให้เป็นสไตล์เราค่ะ สำคัญคือเราต้องหา signature ของเราให้เจอค่ะ^^<br />
<br />
ครูที่เก่งๆ ช่วยเราได้ในเรื่องสร้างแรงบันดาลใจ จุดไฟนักเขียน แนะนำทางลัดและสารพัดเทคนิค แต่หากเราเองไม่ลงมือทำก็ไม่มีวันสำเร็จ เหมือนเราหิวข้าว ให้คนอื่นกินแทนก็ไม่อิ่ม เลยต้องกินเองยังไงหยั่งงั้นเลยค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
<div>
หลินมีเทคนิคง่ายๆ ของฝรั่งมาฝากค่ะ เขาว่า:</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="font-size: 18px;">You sit down at the keyboard and you put one word after another until it’s done. It’s that easy, and that hard. ~Neil Gaiman</span></div>
<div>
<br /></div>
<div>
เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก แต่หากไม่ทำก็ไม่สำเร็จ ให้คิดซะว่าการฝึกฝนงานเขียน เหมือนออกกำลังกาย จะออกมากออกน้อย นานหรือไม่นานไม่ว่ากัน แต่ขอให้ทำสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย เรื่องที่คิดว่ายาก ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป^^</div>
<div>
<br /></div>
(ดูโพส นิสัยการเขียน เราสร้างได้!คลิ๊ก <a href="http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/08/blog-post_14.html">http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/08/blog-post_14.html</a>)<br />
<div>
<br />
<div>
<span style="font-size: 18px;">Never put off writing until you are better at it. ~Gary Henderson</span></div>
<div>
จงอย่าหยุดเขียนจนกว่าคุณจะเก่งนะคะ สู้ๆ ค่าาา<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br style="font-size: 18px;" />
<br style="font-size: 18px;" /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-77770440904682426752015-09-07T17:31:00.001+07:002015-09-07T17:31:21.823+07:005 เทคนิคอ่านหนังสือได้เร็วจี๋!! แบบปุ่มสปีดปรับไม่ทัน!หลินว่าเราคงเคยได้ยินมาบ้างว่า จะเป็นนักเขียนที่ดีได้ต้องเป็นนักอ่านที่ดีด้วย เพราะถ้าเราอ่านหนังสือได้มาก คลังคำศัพท์และความรู้รอบตัวต่างๆ ของเราจะเยอะ สะสมไปๆ พอถึงเวลาเราต้องเขียนจริงๆ สมองเราก็จะดึงความรู้พวกนี้มาใช้ได้ทัน<br />
<br />
และการที่เราจะเป็นนักอ่านที่ดีได้ เราควรอ่านหนังสือได้มากพอ ปัญหาก็คือ ทุกวันเนี้ยคนเรามีเวลาน้อยลงเรื่อยๆ สารพัดเรื่องราวที่ต้องทำในแต่ละวัน แถมเจอรถติดมหาโหดเข้าไปอีก วันๆ แทบไม่เหลือเวลาแม้แต่จะนอน<br />
<br />
หลินไปอ่านเจอเทคนิคการอ่านหนังสือเร็วของฝรั่งมาค่าาา เลยเอามาแบ่งปันกันดีกว่า เอาไว้ใช้ปรับปุ่มสปีดการอ่านของเรานะคะ^^<br />
<br />
ติดตามกันเลยค่าา<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCG733J4AQybP7TWTYE-ECUSOo29Y0zTa68agro36o-SGtbwVHSAoR7jjS6TV00ePl3UPdz2QdhdEvtGYz96EbnG0yDjpTX8K5WoGo08bxGxnisSC9egK385mEyk_BRKbEcMBn2FP0gmPG/s1600/book-841171_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCG733J4AQybP7TWTYE-ECUSOo29Y0zTa68agro36o-SGtbwVHSAoR7jjS6TV00ePl3UPdz2QdhdEvtGYz96EbnG0yDjpTX8K5WoGo08bxGxnisSC9egK385mEyk_BRKbEcMBn2FP0gmPG/s400/book-841171_1280.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><u>1. เทคนิคอ่านให้เร็วขึ้นโดยใช้นิ้วไล่ตามบรรทัด</u></b><br />
เทคนิคนี้แนะว่าเราจะอ่านเร็วขึ้นได้ ถ้าใช้นิ้วไล่ไปตามบรรทัดที่อ่าน เพื่อจะได้ไม่ต้องฟังเสียงอ่านตัวเองในใจ (ซึ่งคนปกติมักเป็น ทำให้อ่านช้า) จะได้อ่านต่อไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น วิธีนี้ช่วยให้อ่านหนังสือจาก speed 200 คำ/นาที เป็น 1,000 คำ/นาทีเลยทีเดียวค่ะ<br />
<br />
<b><u>2. ไม่ต้องอ่านจนจบเล่ม?!</u></b><br />
เอ๊ะ! ยังไงน้าาา เพราะปกติเราซื้อหนังสือเล่มนึงมา เราก็พยายามอ่านให้จบใช่ไหมคะ ถึงแม้บางทีจะรู้สึกว่าอ่านแล้วโคตรเบื่อเลย แต่ที่สุดก็พยายามอ่านจนจบอยู่ดี แต่อาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี หรือไม่ก็เก็บไว้กะว่าจะกลับมาอ่านแล้วก็ลืมไปเลย<br />
<br />
เทคนิคนี้บอกว่าทำแบบที่เราทำกันเนี่ย เสียเวลาฝุดๆ เลยนะ!<br />
<br />
<b>เพราะว่าหนังสือทั่วไปเล่มนึงเนี่ย จะมีประเด็นสำคัญแค่ 1-2 ประเด็นเท่านั้น ถ้าหนังสือดีๆ อาจจะมี 2-3 ประเด็น ถ้าหนังสือเทพๆ อาจมีไอเดียเจ๋งๆ ได้ถึง 3-5 ประเด็น ในความเป็นจริงก็คือหนังสือส่วนใหญ่เป็นหนังสือทั่วไปที่อยู่ในค่าเฉลี่ยเท่านั้นค่ะ </b><br />
<br />
ส่วนนักเขียนทั่วไปอาจจะเขียนไอเดียเจ๋งๆ ออกมาประมาณ 20 หน้า แต่หนังสือแค่ 20 หน้าจะขายได้ยังไงกันล่ะ? นักเขียนจึงต้องหาอะไรมาเติมให้ได้ 200 หน้าถึงจะทำเป็นหนังสือขายได้ วิธีนี้ทั้งนักเขียนทั่วไปและนักเขียนเทพๆ ก็ทำเหมือนกันหมด (คือหาอะไรมาเพิ่มมาเติม)<br />
<br />
<b>แล้วหยั่งงี้เราจะเสียเวลาอ่านหนังสือจนจบเล่มทำไม?? </b><br />
<br />
อืมมมม...น่าคิดเหมือนกันเนาะ หลินอ่านจนจบทุกเล่มเลย แต่บางเล่มใช้เวลาเป็นปีๆๆ ทำผิดทางมาตะล๊อดดดสิเรา<br />
<br />
เทคนิคนี้แนะว่าควรจะอ่านผ่านตาแบบ skim ก่อนเพื่อหาประเด็นของหนังสือ ใช้สารบัญให้เป็นประโยชน์ ทำสัญญลักษณ์ไว้ตรงที่ไม่เข้าใจ (ครั้งแรกให้ใช้เวลาแค่ 3-5 นาที)<br />
<br />
ครั้งที่ 2 กลับมาอ่านอีกแค่ 30 นาที ตรงที่เป็นประเด็นสำคัญและเรื่องที่เรายังไม่เข้าใจดี (อ่านแบบ scan)<br />
<br />
สุดท้าย ถ้าหนังสือเล่มนี้คุ้มค่าที่จะอ่านอีกรอบ ให้ใช้เวลา 1-2 ชม.ในการอ่านรอบที่ 3<br />
<br />
ถ้าทำแบบนี้ได้ เราจะสามารถอ่านหนังสือหนึ่งเล่มด้วยการใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชม.!!<br />
<br />
<b><u>3. กำหนดเวลาที่อ่านให้ชัดเจน</u></b><br />
แนะนำว่าให้ตั้งเป้า 4 ชม.กับหนังสือหนา 200-300 หน้า แล้วตั้งใจอ่าน แบบอ่านนิยายค่ะ คือไม่ให้มีอะไรมากวน<br />
<br />
อาจจะมีคนคิดว่า โฮ้ยยย!! ใครจะทำได้ 4 ชม.หนังสือเล่มนึง เทคนิคนี้เค้าบอกว่าถ้าเราบอกว่า 4 ชม. จะอ่านให้จบ สมองเราจะพยายามทำให้ได้ แต่ถ้าเราบอกไว้เดือนนึงอ่านให้จบ รับรองว่าไม่จบ เพราะเราไม่ตั้งใจจะทำ จะไปทำนู่นทำนี่ทำนั่น ที่สุดแล้วไม่จบชัวร์<br />
<br />
ถ้าอ่านแล้วเจอเรื่องไม่เข้าใจ ให้เขียน note ไว้แล้วกลับมาอ่านทีหลัง อย่าพยายามหาคำตอบให้ได้ในครั้งแรกที่อ่านเพราะจะเสียเวลา และสุดท้ายเรื่องที่เราไม่เข้าใจนั้นอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยนะ (เหมือนทำข้อสอบเลยอ่ะค่ะ ว่าม่ะ?)<br />
<br />
<b><u>4. เริ่มจากหนังสือเล่มง่ายๆ ก่อน</u></b><br />
แทนที่จะเริ่มจากหนังสือโคตรยากหนา 1,000 หน้า ให้เริ่มจากหนังสือง่ายๆ หนา 100-150 หน้าก่อน ให้มีความมั่นใจแล้วค่อยไปต่อจะดีกว่า<br />
<br />
พออ่านได้แล้ว ค่อยพัฒนาความสามารถในการอ่านตัวเอง ให้อ่านหนังสือได้หนาขึ้นๆ และยากขึ้นเรื่อยๆ<br />
<br />
<b><u>5. อ่านแต่หนังสือที่คุ้มค่าจะอ่าน</u></b><br />
สั้นๆ เลยเพราะเวลาเรามีจำกัด ไหนๆ จะเลือกอ่านทั้งที ให้อ่านอะไรที่มีประโยชน์ต่อเราค่ะ<br />
อะไรที่ไม่มีประโยชน์อย่าเสียเวลาอ่านเลย เอาเวลาไปนอนดีก่าา (หลินพูดเอง 55)<br />
<br />
หวังว่าจะได้เทคนิคแจ่มมะว้าวว กันถ้วนหน้านะคะ ใครมีเทคนิคเจ๋งๆ ยังไงก็แชร์กันได้ค่าา<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-82213570490164281172015-09-06T20:42:00.003+07:002015-09-06T20:42:55.293+07:00เรื่องต้องรู้ก่อนเขียน! เขียนหนังสือต้องตั้งโจทย์ก่อนว่าจะให้ใครอ่าน?<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
หลินห่างหายจากการอัพเพจเป็น 2 วัน เพราะป่วยงอมพระรามเลยค่ะ ตื่นมาเวียนหัวไปหมดแถมนั่งแท็กซี่ไปหาหมอ ต้องแวะไปฝากรอยอาลัยเป็นระยะไว้ที่เสาไฟฟ้าอีกต่างหาก T_T หมอบอกน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดมาเพิ่งเป็นไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ว่านอนรพ. ไป 8 ชม. เสียค่าหมอไปหมื่นกว่าบาท ><'<br />
<br />
สรุปคือทุกคนอย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขออภัยด้วยค่าที่แวปหายจ้อยไป T_T<br />
<br />
กลับมาเรื่องนักเขียนของเราดีกว่า...<br />
<br />
หลินไปเจอเรื่องราวน่าสนใจจากเวบนึงค่ะ อันที่จริงเป็นเวบเกี่ยวกับเรื่องราวจีนๆ ซึ่งหลินก็ติดตามอ่านบ่อยๆ เพื่ออัพเดทข่าวหรือเรื่องราวฮิตๆในอินเตอร์เนต เผื่อว่าเจอเรื่องน่าสนใจจะได้ไปเล่าใน blog ภาษาจีนที่หลินทำอยู่<br />
<br />
แต่อ่านไปอ่านมาเห็นว่าเรื่องนี้น่าเก็บมาฝากแฟนเพจ<b>เรียนเขียน เพื่อขายบน Amazon </b>ด้วย เพราะเป็นเรื่องถกเถียงเกี่ยวกับหนังสือเล่มนึง ที่มีคนตั้งข้อสงเกตว่าแพงมากกกกกๆ เมื่อเทียบกับเนื้อหาในเล่มที่ซึ่งโคตะระง่าย ช่างไม่คุ้มค่าเงินซะเลย แล้วใครนะที่ยอมเสียตังค์ซื้อ?<br />
<div style="text-align: center;">
<img alt=""Little Blue and Little Yellow"" src="http://i2.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-01.jpg?resize=600%2C600" height="400" width="400" /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
โฉมหน้าของหนังสือเล่มนี้ค่า 小蓝和小黄 แปลเป็นไทยว่า "เจ้าสีฟ้าน้อยและเจ้าสีเหลืองน้อย" (มุ้งมิ้งมากคร่าาา)<br />
<br />
หนังสือเล่มนี้ขายอยู่ที่ 29.80 หยวน ก็ประมาณ 150 บาท ซึ่งถือว่าราคาแพงเหมือนกันเมื่อเทียบกับหนังสือเล่มอื่นๆ ทั้งที่จริงแล้วหนังสือในเมืองเมืองจีนราคาไม่แพงเลย เพราะเค้าพิมพ์ทีนึงเยอะมากๆ<br />
<br />
ประเด็นก็คือ นอกจากมันแพงแล้วยังขายดีซะด้วยสิคะ!! (ทั้งๆที่เนื้อหาก็ดูง่ายมากๆ ใครๆก็เขียนได้ ไม่เห็นต้องมีการทักษะขั้นเทพอะไรเลย!!)<br />
<br />
เรื่องนี้ชาวเนทจีนก็ถกกันน่าดู มีบางประเด็นที่หลินเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งก็คือ<br />
<br />
<ul>
<li>หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคนอ่านค่ะ กลุ่มเป้าหมายคือเด็กอนุบาล คนเขียนเขาเขียนให้เด็กเล็กๆ อ่าน เพื่อเข้าใจหลักการผสมสี เพราะงั้นจงอย่าเอาความคิดของผู้ใหญ่ไปตัดสินหนังสือของเด็กน้าา</li>
<li>บางคนคอนเฟิร์มว่าเด็กชอบหนังสือเล่มนี้มาก เพราะโลกของเด็กไม่เหมือนกับโลกของผู้ใหญ่นะ ดังนั้นที่ใครบอกว่าเนื้อหาง่ายๆนั้น หากเป็นโลกของเด็กเนี่ยความยากถือว่าอยู่ในระดับที่พอดีๆ แล้ว</li>
</ul>
<br />
เล่ากันมาพอควร เดี๋ยวจะนึกภาพไม่ออกมาดูเนื้อหาส่วนนึงกันค่ะ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img alt=""This is Little Blue."" src="http://i2.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-02-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>นี่คือเจ้าสีฟ้าน้อย</i></div>
<div>
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img alt=""Little Blue has many friends."" src="http://i0.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-03-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>เจ้าสีฟ้าน้อยมีเพื่อนมากมาย</i></div>
<div>
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img alt=""But his best friend is Little Yellow."" src="http://i0.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-04-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดคือสีเหลืองน้อย</i></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<img alt=""They happily hugged each other."" src="http://i1.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-05-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>พวกเขาทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุข</i></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img alt=""Hugged and hugged."" src="http://i1.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-06-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>กอดกัน กอดกัน!!</i></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img alt=""Then they became green."" src="http://i2.wp.com/img.chinasmack.com/www/wp-content/uploads/2014/12/china-chinese-little-blue-and-little-yellow-leo-lionni-07-600x600.jpg?resize=600%2C600" height="320" width="320" /></div>
<div style="text-align: center;">
คำบรรยาย--<i>ในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นสีเขียว</i></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
จบล่ะสำหรับบทนี้ ส่วนบทอื่นๆ ก็ทำนองนี้เหมือนกัน<br />
<br />
ง่ายใช่ป่าวคะ? อย่าเพิ่งทำสายตาเคลือบแคลงใจค่า หลินว่าเรื่องนึงที่เราควรเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ <u>เขียนหนังสือต้องตั้งโจทย์ก่อนว่าเขียนให้ใครอ่าน?</u><br />
<br />
อันนี้สำคัญมากๆ เพราะเนื้อหาที่เราจะสื่อสารออกไปต้องตรงความต้องการ ตรงความสนใจ เหมาะกับระดับความรู้และเหมาะกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนอ่านของเราค่ะ<br />
<div>
<br />
<div>
เพราะต่อให้หนังสือความรู้แน่น ทฤษฎีเป๊ะแค่ไหน แต่หากกลุ่มคนที่เราจะเขียนหนังสือให้เขาอ่านดันไม่สนใจหรือมันยากเกินระดับความรู้ เขาก็ไม่อ่านหรืออ่านหน่อยก็เลิก ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังสือที่เขียนแย่ๆ เล่มนึง (เพราะทั้งหมดคือขายไม่ดีหรือขายไม่ได้)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ดังนั้น <b>จะเขียนหนังสือสักเล่ม ต้องคิดก่อนนะคะว่าเราเขียนให้ใครอ่าน? </b><br />
<br />
จากนั้น ต้องเขียนให้เหมาะกับความต้องการ ความสนใจ ความรู้และความชอบของคนอ่าน เราก็จะก้าวไปอีกขั้นในการเป็นหนังสือที่ขายดีค่ะ และจะดีกว่านั้นอีกถ้าเนื้อหาหนังสือของเราดีด้วยยย!!<br />
<br /></div>
<div>
สู้ๆนะคะทุกค้นนนน!!</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ป.ล. ใครสนใจภาษาจีน เชิญได้ที่นี่ค่ะ </div>
<div>
<a href="http://chinesexpert.blogspot.com/">http://chinesexpert.blogspot.com/</a><br />
<br />
เครดิต: <a href="http://chinasmack.com/">chinasmack.com</a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลิน^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br />
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-11564106488486689202015-09-02T10:41:00.000+07:002015-09-02T10:41:53.588+07:00ขึ้นอันดับ 1 !!<div style="background-color: white; color: #141823; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 19.3199996948242px; margin-bottom: 6px;">
<span style="line-height: 19.3199996948242px;">สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle ขึ้นอันดับ 1 ของ Ookbee ในหมวดธุรกิจและการลงทุนค่ะ^^</span></div>
<div style="background-color: white; color: #141823; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 19.3199996948242px; margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับทุกการสนับสนุนและเห็นว่าหนังสือที่หลินเขียนมีประโยชน์นะคะ^^</div>
<div style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 19.3199996948242px; margin-top: 6px;">
หลิน</div>
<div>
<div style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 19.3199996948242px; margin-top: 6px;">
<br /></div>
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhw-Q345U_Motl5me-IYq6VeCsnLtgAUFYA0CxWdLAm9qH-9ucdwq_cnMGILkJRJhq7NBJG8jb0TFU3y3LKXeKk-xV43qSo6qMbtZd-CjbsnAHyS59vQV7crHIx5kRl58PERkoe1WvCpRp0/s1600/Untitled+1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhw-Q345U_Motl5me-IYq6VeCsnLtgAUFYA0CxWdLAm9qH-9ucdwq_cnMGILkJRJhq7NBJG8jb0TFU3y3LKXeKk-xV43qSo6qMbtZd-CjbsnAHyS59vQV7crHIx5kRl58PERkoe1WvCpRp0/s400/Untitled+1.jpg" width="400" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhxQz3sZS1l_3iYuH61d7SM-s4Q8CG9T51S2xj6C0npjlSZSq3LYHd6gzz2A6v0tYbQMtQ_B5dsjb_-ghyphenhyphenJ71e5974AJqfqmxqLcVvo0nq8sgfDdnCCgfmT5KuHgEjXrxX2w-9XVek0hevo/s1600/Untitled+2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhxQz3sZS1l_3iYuH61d7SM-s4Q8CG9T51S2xj6C0npjlSZSq3LYHd6gzz2A6v0tYbQMtQ_B5dsjb_-ghyphenhyphenJ71e5974AJqfqmxqLcVvo0nq8sgfDdnCCgfmT5KuHgEjXrxX2w-9XVek0hevo/s400/Untitled+2.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmT1ppdq9u8RCTmgCHzPncS9Bp1nXE2Pmb2ry2spD3NLVlo51vcfCKf-2VNQKOkQBObUDokIsd9Wk9VhXD_aNySsX5N404MNH1gtJBL_W3UBBQjdxNR0sp4RWuj0khaBhpQptlPjKRmsjJ/s1600/Untitled.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmT1ppdq9u8RCTmgCHzPncS9Bp1nXE2Pmb2ry2spD3NLVlo51vcfCKf-2VNQKOkQBObUDokIsd9Wk9VhXD_aNySsX5N404MNH1gtJBL_W3UBBQjdxNR0sp4RWuj0khaBhpQptlPjKRmsjJ/s400/Untitled.jpg" width="400" /></a></div>
<div>
<div style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: helvetica, arial, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 19.3199996948242px; margin-top: 6px;">
<br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-49310380450054424852015-09-01T20:59:00.002+07:002015-09-01T20:59:20.540+07:00เส้นทางอาชีพ Ghostwriter!! โรยด้วยดอกอะไร??จริงๆ อาชีพ Ghostwriter ในเมืองไทยเนี่ย หลินว่ามีมานานแล้วนะคะ แต่ช่วงนี้มีกระแสเรื่องงาน Ghostwriter ออกมาค่อนข้างมาก อาจจะส่วนหนึ่งมีคอร์สสอน Ghostwriter ออกมาเยอะ และ Ghostwriter หลายคนก็ออกมาเปิดเผยตัวตนกับสื่อโซเชี่ยลมากขึ้น ได้เห็นหน้าเห็นตา เจอหน้าค่าตากันเยอะขึ้นๆๆ<br />
<div>
<br /></div>
<div>
อย่างที่รู้กันว่า Ghostwriter ก็คืออาชีพนักเขียนแบบมือปืนรับจ้าง เขียนแบบไม่ออกสื่อว่าเป็นฝีมือตัวเอง แต่ถึงแม้ไม่ออกสื่อ Ghostwriter ก็ต้องมีฝีมือในการเขียนเพื่อให้ถูกจ้างไปเขียนค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
สำหรับอาชีพนี้ ฝรั่งเค้ามีมานานแล้ว หลายคนอาจจะอยากเริ่มเส้นทางนักเขียนด้วยการมีหนังสือของตัวเอง แต่ว่าทำไปๆ กลับคิด Ghostwriter เหมาะกะตัวเองมากกว่า<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrIXpAr_6PvssdhG6K_QZ59FkMh_B8jagF-vhXQEbIbZ7GbOh77qctP4d34GwJQwB0rlMkBr53IoXPsNlUzafTt6W0Du-0J5gfgPwmU7mk8F7AJMI4gAnxSDRNSfr24dlwPzTLbwYgtEIT/s1600/1629269_cf658cc39a_b.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="325" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrIXpAr_6PvssdhG6K_QZ59FkMh_B8jagF-vhXQEbIbZ7GbOh77qctP4d34GwJQwB0rlMkBr53IoXPsNlUzafTt6W0Du-0J5gfgPwmU7mk8F7AJMI4gAnxSDRNSfr24dlwPzTLbwYgtEIT/s400/1629269_cf658cc39a_b.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
มาดูกันค่ะ ว่าจริงๆ แล้วอาชีพ Ghostwriter มีข้อดีตรงไหนนะ (นอกจากเงินค่าจ้าง) หลายคนถึงยึดอาชีพ Ghostwriter เป็นหลักเลยและไม่เห็นจะอยากมีผลงานของตัวเองสักติ๊ดดเดียว</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><u>1. ข้อดีข้อแรกคือได้เงินก่อน</u> </b>อ่าว...ไหนบอกไม่พูดถึงเรื่องค่าจ้างไง ป่าวค่าา.....หมายถึงว่าอาชีพนักเขียนน่ะ ปกติแล้วต้องรอจนหนังสือพิมพ์เป็นเล่มหรือวางขาย หรืออย่างน้อยต้องจัดหน้าเสร็จ ถึงจะได้เงิน แต่ Ghostwriter ได้ตังค์เลยนะ เขียนเสร็จรับเงินโลด ไม่ต้องรับความเสี่ยงที่เป็นตัวเงินหากหนังสือขายไม่ออกด้วย (แต่หากงานเขียนไม่เข้าตาต้องใจตลาด เล่มต่อๆไปอาจฝืดหน่อยที่จะมีคนมาจ้างเขียน)<br /><b><u><br /></u></b></div>
<div>
<b><u>2. ไม่ต้องทำ marketing</u></b> ตอนนี้เราคงต้องยอมรับว่านักเขียนเองก็ต้องทำการตลาดเพื่อโปรโมทหนังสือเองด้วย เพราะผู้อ่านมีแนวโน้มที่จะซื้อหนังสือที่เค้ารู้จักคนเขียนหรือเคยเห็นมากกว่าหนังสือที่ไม่รู้จัก (ทั้งๆ ที่หนังสือที่ไม่เป็นที่รู้จักไม่ใช่ว่าไม่ดี บางทีดีกว่าหนังสือที่ดังๆ ซะอีก) และงานการตลาด งานโปรโมทต่างๆ เป็นอะไรที่เหนื่อยและหยุดไม่ได้ บางทีต้องใช้ทั้งเงินและเวลามากๆ ในการทำ แต่ Ghostwriter หาได้แคร์ไม่ เมื่อเป็นมือปืนรับจ้างก็ไม่จำต้องทำ marketing เมื่อไม่ต้องทำก็ไม่ต้องเสียเวลา สามารถมุ่งมั่นทำงานอย่างเดียว งานก็จะเสร็จได้เร็วขึ้นด้วย รับงานใหม่ได้เร็วขึ้นด้วยล่ะ (อันนี้ไม่นับ Ghostwriter รุ่นใหม่ๆที่ใช้สื่อออนไลน์ในการทำให้ตัวเองให้เป็นที่รู้จักนะคะ เพราะถือว่าเป็น marketing สร้างตัวตนอย่างนึง)</div>
<div>
<br /><b><u>3. ไม่มีอารมณ์ร่วม</u></b> แล้วดีตรงไหนเนี่ย... ตรงเนี้ยไม่ได้หมายถึงไม่อินกับเรื่องราวของคนต้นเรื่องนะ แต่หมายถึงว่า พอเราไม่ใช่หนังสือของเรา อารมณ์ความรู้สึกเราก็เป็นกลางมากขึ้น ใครติก็น้อมรับเอามาปรับปรุง ใจเราก็เป็นกลาง ไม่วอกแวกวุ่นวาย แต่ถ้าเมื่อไหร่เป็นหนังสือเราเองล่ะก็ อีโก้มาตรึมๆๆ บางทีโดนติหน่อย ช้ำใจ รมณ์บ่จอย หรือไม่บางทีก็แก้ซะจนไม่เป็นตัวของตัวเอง signature หายไปโหม้ดด เป็นต้นค่า</div>
<div>
<br /><b><u>4. งานน่าสนใจในตัวเอง</u></b> เวลา Ghostwriter ได้โปรเจคเขียนเรื่องใคร ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนน่าสนใจ เป็นคนมีชื่อเสียง โอกาสจะเข้าถึงเค้าก็ยาก เรียนรู้จากเค้าก็ยาก เพราะเค้าคงไม่ว่างมาคุยกะคนธรรมดาเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น Ghostwriter ต้องเขียนเรื่องเค้า คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!<ol>
</ol>
</div>
<div>
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามนะคะ อาชีพ Ghostwriter ก็ยังคงเป็นอาชีพนักเขียนแขนงนึงอยู่ดี ไม่ว่าจะออกสื่อหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่พ้นที่จะต้องฝึกฝนๆๆๆๆ ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาทักษะตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลินเอาใจช่วยให้นักเขียนทุกคน ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางนักเขียนหรือเส้นทาง Ghostwriter ประสบความสำเร็จในอาชีพของตัวเองกันทุกคนนะคะ^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลิน^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-7909400410502174262015-08-31T14:36:00.000+07:002015-08-31T17:42:05.396+07:00วิธีส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เคาะผ่านนนน! จ้าาถึงแม้ fanpage นี้จะเป็น page เรื่องของ self-publishing (เขียนเอง-ขายเอง) ไม่ว่าจะขายผ่าน Ookbee , Amazon หรือ Platform อื่นๆ แต่ตัวหลินเองนอกจากทำหนังสือขายเองแล้ว ก็ยังมีหนังสือทำขายผ่านสำนักพิมพ์ด้วย จึงมีคำถามจากแฟนเพจ แฟน blog ถามมาว่าทำไงถึงจะส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์พิจารณาแล้วผ่านฉลุยยยยล่ะ?<br />
<div>
<br /></div>
<div>
<div>
อย่างที่เราพอจะเดากันได้นะคะว่า วันๆ นึง กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์เนี่ย ได้รับต้นฉบับเยอะแยะเลยนะ ถ้าเปรียบเทียบไปก็ไม่ต่างจาก HR บริษัทที่วันๆ ต้องคุยกับผู้สมัครเพียบเลย ดังนั้น เค้าทั้งหลายก็จะไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายว่าทีละรายๆ ว่าต้นฉบับนั้นๆ ทำไมถึงผ่านและส่งต่อให้หัวหน้าอ่าน หรือทำไมถึงโดนกดเข้า Trash ซะในพริบตา ><'</div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลินเองก็เป็นอีกคนที่ส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์พิจารณาเหมือนกันค่ะ ผ่านกระบวนนี้มาก่อน เลยขอรวบรวมวิธีการของตัวเองมาแชร์ให้กับแฟนเพจ แฟน blog แนะนำให้ปรับใช้ตามความเหมาะสม สูตรใครก็สูตรใคร เหมือนทำต้มยำ น้ำใส น้ำข้น เผ็ดแก่ เผ็ดกลาง อยู่ที่เราจะจัดนะคะ^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
ติดตามกันเลยยย!!<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7zANT2cBuKt6HflGnAbfx-ENvANI1BA70za4YYVQ0oaUNIRjkuIqexkAd8rYPbn1ag1gEBj5EiDhwjj71TTRIBZ9bCtvjC2uCwhLfnOwuDtrux7utuUd3k06cos6wqtsFY949eW8K4Sct/s1600/flea-market-237461_1280.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="242" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7zANT2cBuKt6HflGnAbfx-ENvANI1BA70za4YYVQ0oaUNIRjkuIqexkAd8rYPbn1ag1gEBj5EiDhwjj71TTRIBZ9bCtvjC2uCwhLfnOwuDtrux7utuUd3k06cos6wqtsFY949eW8K4Sct/s400/flea-market-237461_1280.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
1. ดูเราว่าเขียนหนังสือแนวไหน? มีตลาด (คนอ่าน) ไหม? บางอย่างเนื้อหาอนาคตเกิ๊น ช่วงนี้ยังไม่ฮิตต้องรอเวลา ถ้ามีตลาด ตลาดนั้นใหญ่เล็กแค่ไหน? ถ้าเล็กขอให้จัด eBook ถ้าใหญ่พอให้จัดหนังสือเล่ม ดูว่าตลาดใหญ่เล็กดูยังไงน่ะเหรอ? ก็ถ้าร้านหนังสือที่มีสาขาตามห้างเค้ามีหนังสือแบบที่เราจะเขียนขาย แปลว่าตลาดใหญ่พอค่าาา (ง่ายไหม)<br />
<br />
2. ดูว่าสำนักพิมพ์ไหน พิมพ์หนังสือแนวนี้บ้าง? shortlist ออกมา ข้อมูลนี้ก็หาไม่ยาก ไปหาได้จากร้านหนังสือเลย ตรงนี้ก็สำคัญ เพราะสำนักพิมพ์เค้าก็มีแนวถนัดหรือความเป็นเจ้าตลาดของเค้า ส่งผิดแนวก็จะไม่ได้รับพิจารณาเอาได้นะเออ (เหมือนกับยื่นผักบุ้งให้แมว แมวมันก็ไม่กินหรอก ต้องไปยื่นให้เต่าสิ ทำนองนี้ค่ะ)</div>
<div>
<br />
3. ดูว่าเราจะทำยังไงให้หนังสือเราดีกว่าที่ขายอยู่ในท้องตลาด? เล่มที่เค้าขายดีเนี่ย? เค้าขายดีเพราะอะไร? เนื้อหาแบบไหน? ถ้าอ่านแล้วเรายังทึ่ง อย่างงี้กลับไปฝึกวิทยายุทธมาใหม่ก่อน แต่ถ้าอ่านแล้ว เห้ย! เกิดอาการมันเขี้ยว ว่าเราเขียนได้มากกว่านี้อีกเยอะ อย่างงี้พอจะมีลุ้น<br />
<br /></div>
<div>
4. เขียนสารบัญ ชื่อหนังสือ (คร่าวๆ) ตัวอย่างหนังสือสัก 30-40% ของเล่ม เพื่อเตรียมเป็นต้นฉบับ (ที่เหลือนึกไว้ในใจว่าจะเขียนอะไร ยังไงดี? ถ้าเป็นนิยายก็ต้องมีพล็อตตั้งแต่เริ่มจนจบ)<br />
<br /></div>
<div>
5. หาทางส่งต้นฉบับนี้ไปให้สำนักพิมพ์ ที่อยู่ contact หาจากอากู๋และร้านหนังสือ<br />
<br /></div>
<div>
6. เขียนใบปิดหน้าโฆษณาตัวเอง เราเป็นไผ? ส่งมาเมล์มาทำอันหยัง? ทำไงให้เค้าอยากอ่านเนื้อในของเรา? ทำไงให้เมล์เราโดดเด้ง? ต้นฉบับดิ้นปับๆๆ หน้าบก. (เว่อรรร์ม่ะ!!)<br />
<br /></div>
<div>
7. ถ้าทำได้ หาทางนัดเข้าไป present ต้นฉบับกับกองบก.เองเลยค่าา ยินดีจะไปคอย ยินดีไปรอ ถ้าไม่ได้ส่งเมล์ ส่งปณ. ทำทุกทาง (ดูด้วยน้าา--บางสำนักพิมพ์บอกเลยว่ารับเฉพาะเมล์ บางแห่งบอกรับเฉพาะปณ.)<br />
<br /></div>
<div>
8. หาทางส่งมากกว่า 1 สำนักพิมพ์เป็น plan B เพราะชีวิตต้องมีแผนสำรอง (สโลแกนอะไรน้าคุ้นๆ)<br />
<br /></div>
<div>
9. รออย่างมุ่งมั่นแต่ (พยายาม) เยือกเย็น (งงม่ะ?) คือเราตั้งตาคอยอยู่แล้วค่ะ แต่เราก็ต้องรอเป็นเรื่องธรรมดา ระหว่างนี้ก็อย่าเหี่ยวแห้ง อับเฉาให้พัฒนางานเขียนชิ้นใหม่ เล่มใหม่ต่อไป เพราะ J.K. Rowling ยังส่งต้นฉบับตั้งหลายหนนิ!<br />
<ol>
</ol>
ข้างบนนี้เป็นวิธีที่หลินทำค่ะ แต่จริงๆ แล้วก็มีหลายวิธีที่มีคนอื่นเคยแชร์ไว้แล้วนะคะ ลองดูที่นี่ค่ะ</div>
<div>
<ul>
<li>จากเว็บ Dek-D คำแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเขียน + รวบรวมรายชื่อสำนักพิมพ์ที่รับต้นฉบับ รายละเอียดเงื่อนไขในการรับ ระยะเวลาในการพิจารณาหนังสือ (ส่วนใหญ่เป็นนิยาย) <a href="http://www.dek-d.com/writer/34500/">http://www.dek-d.com/writer/34500/</a> (จอร์ช!! มันยอดค่าา)</li>
<li>จากเว็บ Dek-D เหมือนเดิม แต่รวมสำนักพิมพ์เฉพาะนิยาย แยกรายสำนักพิมพ์พร้อมเงื่อนไขในการรับต้นฉบับ <a href="http://writer.dek-d.com/monvalee/story/view.php?id=866344">http://writer.dek-d.com/monvalee/story/view.php?id=866344</a></li>
<li>จากเว็บนานมี วิธีส่งต้นฉบับแบบละเอียดยิบๆ <a href="http://www.nanmeebooks.com/reader/news_inside.php?newsid=741">http://www.nanmeebooks.com/reader/news_inside.php?newsid=741</a></li>
</ul>
</div>
<div>
ขอให้โชคดีกันทุกคนนะคะ อย่าลืมว่ากรุงโรมบ่ได้สร้างในวันเดียว ส่งต้นฉบับครั้งเดียวไม่ผ่านแล้วเลิก จะเสียเวลาที่เขียนมาทั้งหมดนะ ที่ถูกคือลองส่งใหม่ ถ้ายังไม่ผ่าน ลองถามหาจุดที่เราต้องปรับปรุง บก.บางคนบอก (บางคนไม่) ให้เอามาแก้ไขแล้วสู้กันใหม่ค่ะ!!</div>
<div>
<br /></div>
<div>
เอาใจช่วยนะคะ^^</div>
<div>
หลิน</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-49797273594444996962015-08-28T20:49:00.001+07:002015-08-28T20:49:47.912+07:00นักเขียนที่ดี VS นักเขียนที่ห่วย! ฝรั่งเค้าว่าความแตกต่างระหว่างนักเขียนที่ดีกับนักเขียนที่ห่วย ไม่เกี่ยวกับเรื่อง <b>"ความสามารถในการเขียน"</b> เลยค่ะ แต่ต่างกันแค่นักเขียนที่ดีจะเขียนต่อ (ไป) และนักเขียนที่แย่จะเลิกเขียน ! <br />
มันคือแค่นั้นน (จริงอ๊ะ?!?)<br />
<br />
ส่วนที่เหลือคือการพัฒนาตัวเอง มีอีโก้ให้น้อย และทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดไม่ยอมแพ้ ไม่ไล่ไม่เลิก หรือไล่ก็ไม่เลิกประมาณนี้ค่ะ :)<br />
<br />
เค้าลองลิสต์หัวข้อคร่าวๆ ของคุณสมบัติในการเป็นนักเขียนที่ดีและนักเขียนที่แย่ออกมา ลองมาทำ checklist ดูดีกว่า ว่าเราในฐานะเป็นนักเขียน เข้าข่ายตกอยู่ฝั่งไหนมากกว่ากัน?<br />
<br />
เริ่มเลยยย!!<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1bsmHdEXGUagydyzAtfm10GwxLplLIa7ph79ApBKsz3alsemMtT6DwniWoZ4Ttol7LqpJYtlFNwKWFKhUlb0eN3Eohn_mRDVR2zrRNLk6Oj9lEO6S9zF3PSYnn70cEJXVTLvkraZ6FTAc/s1600/typewriter-%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5+VS+%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%2521.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1bsmHdEXGUagydyzAtfm10GwxLplLIa7ph79ApBKsz3alsemMtT6DwniWoZ4Ttol7LqpJYtlFNwKWFKhUlb0eN3Eohn_mRDVR2zrRNLk6Oj9lEO6S9zF3PSYnn70cEJXVTLvkraZ6FTAc/s400/typewriter-%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5+VS+%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%2521.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<br />
<b><u>นักเขียนที่ดีเค้าว่าจะทำแบบนี้กันค่าาา</u></b><br />
<br />
<ol>
<li>ฝึกฝนการเขียน ใช้เวลากับการเขียน ขัดเกลา แก้ไขผลงานจนกระทั่งถูกใจ ใช้เวลาหลายชั่วโมง หลายวันเพื่อทำอะไรแบบนี้</li>
<li>ยอมรับคำติชม ฟังทัังเสียงจากใจตัวเองและเสียงจากคนอื่่น ทั้งหมดมีเป้าเดียวก็เพื่อพัฒนางานเขียนให้ดียิ่งขึ้นๆ</li>
<li>ยอมรับว่างานเขียนตัวเองเวอร์ชั่นแรกมักห่วยแตก สิ่งที่จะทำให้งานเขียนเป็นระดับมาสเตอร์พีซได้คือฝึกฝน ฝึกฝนและฝึกฝน</li>
<li>เชื่อว่าตัวเองทำได้ และทำได้แน่ๆ งานเขียนไม่ใช่แค่งานอดิเรก มันคือความฝัน ความสุข คือแรงบันดาลใจคือทุกอย่างของตัวเอง</li>
<li>ไม่ต้องรอให้สมบูรณ์แบบ หาวิธีทำงานให้ดีที่สุดและส่งผลงานออกไปสู่สาธารณะ มันก็แค่นั้นนน</li>
</ol>
<br />
<br />
<br />
<b><u>นักเขียนที่แย่มักจะชอบทำแบบนี้</u></b><br />
<br />
<ol>
<li>ไม่เข้าใจกระบวนการคิดข้างบน แต่กลับพยายามเขียน ๆ เพื่อให้ได้โล่ เพื่อให้บรรลุเป้าอะไรสักอย่าง เขียนให้จบๆ ไป ให้เสร็จๆ ซะที ทั้งที่จริงงานเขียนคืองานศิลปะแขนงหนึ่ง ต้องใช้เวลา ใช้การฝึกฝนให้ดีขึ้นๆ จะเร่งรัด รีบร้อน (นัก) มันบ่ไม่ได้</li>
<li>ไม่รับความคิดเห็นของคนอื่น หลายคนขอฟีดแบก แต่พอเป็นฟีดแบกเป็นลบ ก็รับไม่ได้ </li>
<li>ไม่คิดจะแก้ไข ปรับปรุงผลงานเขียนตัวเอง คิดว่านี่มันสุดยอดแล้วอ๊ะชั้นเนี่ย! จะให้แก้ตรงไหนอีก</li>
<li>คิดว่าตัวเองยังไม่เก่ง ยังเป็นยาหม่องตราลิงถือท้อ ทำไม่ได้หรอก สู้คนอื่นไม่ได้</li>
<li>รอจนพร้อม แล้วค่อยเขียนดีกว่า (ความจริง วันที่พร้อมที่สุดมักมาไม่ถึงซ้ากกที)</li>
</ol>
<br /><ol>
</ol>
เป็นไงกันคะ checklist แล้วเราอยู่ฝั่งไหนมากกว่า?<br />
<div>
<br /></div>
<div>
แต่จริงๆ แล้ว เราเลือกได้นะคะว่าเราอยากอยู่ฝั่งไหน ถ้าตอนนี้เราค่อนไปทางไม่ดีก็ปรับปรุงซะ ถ้าดีแล้วก็ทำให้ตัวเองดีขึ้นๆ ไป เค้าถึงว่ามนุษย์เราพัฒนาตัวเองได้เพราะหยั่งงี้นี่เอง</div>
<div>
<br /></div>
<div>
เอาใจช่วยให้ทุกคนเป็นนักเขียนทีดียิ่งๆๆ ขึ้นต่อไปค่าาา</div>
<div>
<br /></div>
<div>
หลิน^^</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br />
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<br />
<br />
<br />
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7630565351854997453.post-25683237412062626932015-08-25T20:53:00.005+07:002015-08-25T20:54:36.437+07:00วิธีให้ Amazon’s Top Customer Reviewers มารีวิวหนังสือเรา!!หลินเพิ่งไปอ่านเจอบทความนี้มาค่ะ <a href="http://www.thecreativepenn.com/2012/09/16/get-amazon-book-reviews/" target="_blank">How To Get Amazon’s Top Customer Reviewers To Review Your Book </a>ตัวหลินเองก็เพิ่งได้ความรู้ใหม่ตรงนี้ด้วย เลยแปลมาให้อ่านกันนะคะ คิดว่าจะเป็นประโยชน์มากๆ เลย กับคนที่จะเอาหนังสือไปขายที่ Amazon ค่า^^<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img height="355" src="https://lh3.googleusercontent.com/Rl0HU9WkHLKUYS7rZ4HUEc828rqoHBIgbdwgjesWnkwVmQouF0Rl7bLKQtLUsJGJWhr7lcVS6rzL1AVqoIVK8G8yc-nliL-orGQVAFqkoJ1qJq9tiZEHXoW8OvDAO_14xd7vT14" width="400" /></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-size: x-small;">ภาพจาก http://www.wordstream.com/</span></div>
<br />
<b><br /></b>
<b>Amazon’s Top Customer Reviewers คืออะไร? </b><br />
<br />
ก่อนจะเล่าก็ขอเกริ่นหน่อยเพื่อความเข้าใจง่ายว่า การซื้อขายของใน Amazon ก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายของออนไลน์ทั่วไป แม้กระทั่งในไทยเอง เช่น pantip market ดังนั้น การที่คนซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือเป็นหนังสือ ซื้อมาแล้วมารีวิวว่าของเค้าดีเจงๆ หรือหนังสือน่าสนใจจริงๆๆ (ไม่ใช้ม้า!) ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้คนที่จะซื้อตัดสินใจได้ง่าย รีวิวดีๆเยอะก็ขายได้เยอะ ขายได้เยอะคนก็กลับมารีวิวอีก วนลูปต่อไปเรื่อยๆ เค้าถึงว่าอะไรที่ขายดียิ่งขายดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ป่าวคะ<br />
<br />
ที่นี้ที่ Amazon นี่ก็ยิ่งกว่า เพราะมีการจัดอันดับ Amazon’s Top Customer Reviewers ไว้ด้วย แปลเป็นไทยประมาณว่า "นักรีวิวระดับท๊อปของอะเมซอน" นักรีวิวพวกนี้มีจำนวนรีวิวที่เย๊อะมากกก คนที่ได้อันดับ 1 ณ วันนี้รีวิวไป 3,000++ รีวิว เอิ๊กกกกก..!!!! และก็ไม่ใช่รีวิวเอาปริมาณเข้าว่าด้วยนะ รีวิวของเค้าเหล่านั้นได้รับการโหวตว่าเป็นรีวิวที่มีประโยชน์ต่อคนซื้อคนต่อๆ ไป คนที่ได้รับการโหวตว่ามีประโยชน์มากและจำนวนรีวิวมากพอ ก็จะได้ติด Amazon’s Top Customer Reviewers !!!<br />
<br />
นอกจากนี้ เมื่อเค้าเหล่านี้ไปรีวิวอะไรใน Amazon อีกก็ตาม ข้างใต้ชื่อเค้าตรงที่รีวิวก็จะขึ้นแถบว่าเป็น Top 500 reviewers หรืออื่นๆ ตามแต่จัดอันดับ สร้างความเชื่อมั่นให้เพิ่มไปอีกค่ะ<br />
<br />
<b>แล้วนักเขียนจะได้ประโยชน์อะไรนะ?</b><br />
<b><br /></b>
สั้นๆ เลย ถ้าได้รีวิวดีๆ จาก Top Customer Reviewers ก็จะช่วยสนับสนุนยอดขายหนังสือของเราด้วยค่ะะะ^^ เพราะนักรีวิวพวกนี้ ถ้าจัดอันดับดีๆ ส่วนใหญ่มี blog หรือเว็บไซด์ของตัวเอง มีฐานแฟนคลับของตัวเองจำนวนมาก พอเค้ารีวิวหนังสือเรากลุ่มแฟนคลับที่ติดตามเค้าอยู่ก็จะเห็นหนังสือหรือสินค้าของเราไปด้วยค่ะ เราจึงได้โฆษณาฟรีแบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาค่าา เฮ!!)<br />
<br />
<b>แล้วจะทำไงให้เค้ารีวิวล่ะ บ้านก็ไม่ใกล้กันซะหน่อย เค้าก็ไม่รู้จักเราด้วย เค้าจะยอมรีวิวให้เราง่ายๆ เหรอ?</b><br />
<br />
ลองทำแบบนี้สิคะ :)<br />
<br />
<br />
<ol>
<li>ไปที่ลิงค์นี้ <a href="https://www.amazon.com/review/top-reviewers" target="_blank">https://www.amazon.com/review/top-reviewers </a> </li>
<li>จะมีรายชื่อนักรีวิวเยอะแยะเลยค่ะ ให้เลือกดูประวัติการรีวิวของเค้าล่าสุดว่าเค้ารีวิวสินค้าหรือหนังสืออะไรบ้าง <u>สำคัญ*** บางคนไม่รีวิวหนังสือนะคะ รีวิวเฉพาะของที่ขายใน Amazon***</u></li>
<li>สำหรับหนังสือ ให้ดูหัวข้อ interest ว่าเค้าสนใจหนังสือประเภทไหน? บางคนเขียนเลยว่าไม่รีวิวนิยาย ไม่รีวิวเรื่องสั้น ฯลฯ</li>
<li>เลือกมาสัก 3-4 คนค่ะ จะต้องเลือกเผื่อไว้ด้วยเพราะต้องทำใจรับหากเค้าไม่ตอบรับรีวิวของเรา</li>
<li>หาอีเมล์ของเค้าในหัวข้อ contact information แล้วส่งไฟล์หนังสือของเราไปหา เขียนโน้ตสั้นๆ ไปด้วยว่าอยากให้เค้ารีวิวให้ เพราะเห็นว่าคุณสนใจหนังสือแนวนี้ และขอบคุณมากๆ</li>
</ol>
<br />
<br />
ถึงแม้ว่านักรีวิวจะช่วยให้กระตุ้นยอดให้หนังสือเราขายดี แต่เหล่านี้คือ ***<b>ข้อเสียที่เราต้องเตรียมใจรับไว้ หากเราขอให้รีวิวค่ะ***</b><br />
<br />
<br />
<ol>
<li>เค้าอาจจะไม่ตอบ ไม่สนใจเงียบไปเลย (แต่เรา back up ไว้แล้วด้วยการเลือก 3-4 คน)</li>
<li>เค้าจะรีวิวว่าหนังสือเราห่วย !!! อ๊ากกซซ์์!! ทางแก้อันนี้คือเราควรต้องคัดเลือกคนที่เราจะรีวิวด้วย ด้วยการเข้าไปดูในลิงค์ Amazon’s Top Customer Reviewers ข้างบน ใช้เวลาและเลือกอย่างพิถีพิถันหน่อย ไม่ใช่หว่านแหแล้วส่งๆ ไป ถ้าไม่ต้องกับความสนใจของเค้า เค้าอาจรีวิวผิดๆ ถูกๆ ก็ได้</li>
</ol>
เคล็ดลับนี้หลินว่าไม่เลวนะคะ เหมือนกับเราได้โฆษณาหนังสือไปในตัวแบบฟรีๆ แต่ต้องเลือกให้ดีว่าจะให้คนไหนรีวิวหนังสือเรา ในกรณีที่เราขายของก็ลองหาช่องทางให้เค้ารีวิวสินค้าของเราผ่านทาง Amazon’s Top Customer Reviewers ก็ได้ เพราะมั่นใจว่าคนอื่นๆ หรือชาติอื่นๆ ที่ซื้อของก็อยากได้ความเชื่อมั่นในรีวิวผ่าน Amazon’s Top Customer Reviewers ทั้งนั้นนนค่าา^^<br />
<br />
โชคดีกันทุกคนนะคะ ว่าแล้วหลินไปลองหา Amazon’s Top Customer Reviewers มารีวิวมั่งดีกว่าา<br />
<br />
หลิน^^<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/00733573236255090161noreply@blogger.com0