Friday, July 10, 2015

เลือกสีให้ปกหนังสือยังไงดี มีแนวคิดเริ่ดๆ มาแชร์ค่ะ

ปกหนังสือกับสีที่ควรเลือก (เพื่อบ่งบอกตัวตนหนังสือแล้วเข้าถึงใจผู้อ่าน)

ตอนเราเรียนหนังสือตอนเด็กๆ ครูศิลปะเค้าว่าสีมีผลต่อความอารมณ์รู้สึกของเราค่ะ  ซึ่งจริงๆ แล้วหลักการนี้ก็ยังถูกอยู่เสมอนะ เพราะไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่แต่สีเนี่ยถูกใช้ในชีวิตประจำวันเราทุกอย่างค่ะ เช่น ฉลากอาหาร ขวดชาเขียว หลอดโฟมล้างหน้า แพคเกจจิ้ง มือถือ แทปเล็ต กระเป๋า ฯลฯ

การทำหนังสือก็อยู่ในหลักการนี้เหมือนกันค่ะ

การใช้สีกับโลโก้หรือปกหนังสือ แม้กระทั่งสีและสไตล์ของฟอนต์ มีส่วนสำคัญจะช่วยชักจูงความรู้สึกของคนอ่านให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ค่ะ

เช่น สีเขียวให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ สดชื่น (เช่น Starbucks และ Greenpeace)
สีดำสื่อถึงความลึกลับ ความมีอำนาจ น่าค้นหา (เช่น กระเป๋าหรู Chanel และ Sony)
สีแดง ให้ความรู้สึกร้อนแรง  ท้าทาย เร้าใจ มีพลัง (Toyata และ โค้ก)

การใช้ฟอนต์บนปกหนังสือก็เหมือนกันค่ะ ก็บ่งบอกโทนของหนังสือได้เช่นกัน ฟอนต์แบบแฟชั่นก็เหมาะกับเนื้อหาสบายๆ สนุกสนาน easy-reading ทั้งหลาย ถ้าเป็นเนื้อหาที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ฟอนต์ที่เป็นทางการหน่อยจะเหมาะกว่า


infographic  ข้างล่างนี้ เมนหลักพูดถึงเรื่องโลโก้กับการใช้สี แต่หลินว่าเราอ่านแล้วนำมาปรับใช้ในการออกแบบและเลือกสีปกหนังสือของเราก็ไม่เลวนะคะ ทำให้หนังสือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและแสดงตัวตนของหนังสือเราให้แจ่มชัดขึ้นได้ค่ะ

(คลิ๊ก open image in new tab แล้วคลิ๊กที่รูปอีกครั้งเพื่อดูรูปใหญ่)

สรุปจาก infographic ง่ายๆ ว่า 93% ของการซื้อตัดสินใจซื้อจากสิ่ง (สี) ที่เห็น และ 84.5% ของคนซื้อบอกว่าสีที่ผลิตภัณฑ์นั้นถูกใช้เป็นเหตุผลหลักในการซื้อ (เยอะนะคะเนี่ย)

แล้วก็บอกว่าสมองคนเราตอบสนองได้ดีกับ เส้นตรง วงกลม เส้นโค้ง ในความรู้สึกที่แตกต่างกันไป 
เส้นพวกนี้เลยถูกเลือกใช้ออกแบบโลโก้ ให้แสดงตัวตนของบริษัทและส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าของแบรนด์ระดับโลกทั้งหลายค่ะ

จากหนังสือ eBook ของหลินเอง เลือกใช้สีส้มเป็นหลักเพราะตรงกับสีของโลโก้ Amazon ที่่เป็นสีส้มและส้างความเป็นกันเองกับผู้อ่านค่ะ ส่วนหน้าปกเลือกรูปคอมพ์กับคนกำลังเขียนหนังสือ เพราะชื่อหนังสือว่า "สร้างเงินด้วยงานเขียน amazon kindle" เป็น double meaning  ซึ่งทั้งหมดก็อยู่บนหลักการนี้เหมือนกันค่าา

หลิน^^

เรื่องที่เกี่ยวข้อง 
บันได 9 ขั้นสู่หนังสือขายดี‬ (ตอนที่ 1) http://ebookmakerich.blogspot.com/2015/06/9-1.html

เครดิตเรื่องและภาพ http://www.entrepreneur.com/article/247783

No comments:

Post a Comment