Tuesday, June 9, 2015

บันได 9 ขั้นสู่ ‪#‎หนังสือขายดี‬ (ตอนที่ 1)

หลินเชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดของนักเขียนทุกคน ก็คืออยากให้หนังสือตัวเองขายดี มีคนชอบ และคงภูมิใจน่าดูที่เห็นผลงานของตัวเองวางขาย ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ไหนๆ รักจะทำหนังสือ อยากเป็นนักเขียนตามฝัน ก็พยายามเสาะหาวิถีทางที่ทำให้หนังสือขายดีหรือมีคนชอบ ค้นหาวิธีว่านักเขียนระดับ ‪bestseller เค้าทำไงกันนะ หาข้อมูลมาก็เยอะ อ่านตำรานู้นนี้นั้นเยอะแยะ ปวดตาก็มาก 55 



จนได้ข้อสรุปที่คล้ายๆ กันของนักเขียนขายดีทั้งหลาย ว่าส่วนใหญ่เค้าทำกันแบบเนี้ยค่ะ (อาจจะมีมากกว่านี้ก็เป็นเรื่องพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัวของนักเขียนคนนั้น ประมาณว่าเส้นทางเศรษฐีเค้าทำกันแบบเนี้ย วิธีรวยประมาณนี้ แต่คนนี้เค้ารวยจากเรื่องไอที คนนั้นเค้ารวยจากเรื่องซื้อกิจการมาแต่งหน้าแล้วขายต่อ ฯลฯ)

มาติดตามอ่าน บันได 9 ขั้นสู่หนังสือขายดี ที่เอาไปใช้กับงานเขียนอื่นๆ ได้อีกด้วยค่ะ ไม่จำเป็นเฉพาะตลาด eBook‬ ใน ‪Amazon อย่างเดียว

ขั้นที่ 1 เค้าว่าหนังสือดีต้องมี keywords
หมายถึงว่าเราในฐานะนักเขียนต้องหา keywords ให้หนังสือ keywords ตัวไหนที่คนชอบ search ชอบหา เป็น Top search เราควรบรรจุคำเหล่านี้ไว้ในคำโปรย ปกหน้า ปกหลัง หรือที่อื่นๆ ในหนังสือของเราด้วย เพื่อให้เวลาลูกค้าหา keywords พวกนี้จะได้หาเจอง่าย ติดชื่อหนังสือของเราไปด้วย

Keyword ที่ดีไม่ควรเป็นคำธรรมดาเกิ๊น ยกตัวอย่างเช่น คำว่า love เพราะใครๆ ก็หา หากันเยอะแยะ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเราล่ะ อาจเป็นหน้าที่ 1,890 ในอากู๋ก็เป็นได้ ดังนั้นควรจะเป็นคำที่คนหาเยอะ และหากจะใช้ loveอยู่ ก็ควรเฉพาะเจาะจงลงไป เช่น love story หรือ love home & kitchen เป็นต้น

ขั้นที่ 2 ‪‎ชื่อหนังสือต้องโดน‬
เอากฎ 5 อย่างไปเลยค่ะ ได้จำง่ายๆ

1. จำง่าย มีจังหวะของคำ (คงไม่มีใครจำชื่อหนังสือยาวเป็นวาได้ สังเกตดู ชื่อหนังสือ ชื่อยี่ห้อสินค้า ส่วนใหญ่มักกระชับ สั้น 3-4 พยางค์แค่นั้น บางทีคล้องจองกันด้วย)
2. ไม่ต้องใช้คำยาก และยาวเกินไป (ถ้ายากเกิน อ่านแค่ชื่อปกก็ท้อล่ะ ขี้เกียจอ่าน แล้วใครจะซื้อ)
3. สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย (เช่น ขายหนังสือลดน้ำหนัก คำอะไรที่คนลดน้ำหนักอยากเห็น หรือขายหนังสือทำกับข้าว ก็ไม่ควรจะพูดถึงความอ้วน—เกิดเค้ากลัวขึ้นมาแล้วใครจะซื้อ)
4. อ่านแล้วรู้ว่าหนังสือเล่มนี้ พูดถึงเรื่องอะไรภายใน 3 วินาที (ไม่ใช่อ่านจบแล้วยังงง นี่หนังสืออะไรอ่ะ)
5. บอกสิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับเมื่ออ่านจบแล้ว หรืออ่านแล้วจะรู้เรื่องอะไรบ้าง (เช่น บอกว่าจะผอม บอกว่าจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม บอกว่าจะพัฒนาสมองซีกซ้าย บอกว่าจะรู้ว่าไปเที่ยวเมืองไทยแล้วสนุกยังไง ฯลฯ)

ขั้นที่ 3 ‪คำโปรย‬ (subtitle) ปกต้องโดน
ต้องมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับปกหนังสือค่ะ อย่างน้อยต้องส่งเสริมกัน ไม่ใช่ไปคนละทาง สมมติว่าชื่อหนังสือบอกว่า “ออกกำลังกายทุกวันแล้วจะสวย” คำโปรยปกก็ควรจะประมาณว่า “เทคนิคสร้างการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย ถึงแม้ว่าเราจะโคตรขี้เกียจก็ตาม”

ขั้นที่ 4 ‪รูปปกต้องเด่น‬
เพราะเวลาหนังสือขายไม่ว่าจะเป็น eBook หรือหนังสือเล่ม เราจะต้องเจอคู่แข่งมหาศาล มโหฬาร รูปปกที่ดีต้องเห็นแวบเดียวแล้วรู้เลย ไม่งั้นลูกค้าอาจผ่านไปเลือกตัวเลือกอื่นๆ ก็ได้ สิ่งสำคัญได้แก่ ตัวหนังสือต้องอ่านง่าย และขนาดใหญ่พอที่จะอ่านออก ตัวหนังสือไม่จมไปกับ background และ background อย่ารกเกิ๊น จนเหมือนประหนึ่งว่าใครอ่านออกสามารถไปขูดเลขแทงหวยได้

เดวมาต่อตอนหน้ากับ บันได 9 ขั้นสู่หนังสือขายดี (ตอนที่ 2) นะคะ^^

หลิน

No comments:

Post a Comment