Monday, August 31, 2015

วิธีส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เคาะผ่านนนน! จ้าา

ถึงแม้ fanpage นี้จะเป็น page เรื่องของ self-publishing  (เขียนเอง-ขายเอง) ไม่ว่าจะขายผ่าน Ookbee , Amazon หรือ Platform อื่นๆ แต่ตัวหลินเองนอกจากทำหนังสือขายเองแล้ว ก็ยังมีหนังสือทำขายผ่านสำนักพิมพ์ด้วย จึงมีคำถามจากแฟนเพจ แฟน blog ถามมาว่าทำไงถึงจะส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์พิจารณาแล้วผ่านฉลุยยยยล่ะ?

อย่างที่เราพอจะเดากันได้นะคะว่า วันๆ นึง กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์เนี่ย ได้รับต้นฉบับเยอะแยะเลยนะ ถ้าเปรียบเทียบไปก็ไม่ต่างจาก HR บริษัทที่วันๆ ต้องคุยกับผู้สมัครเพียบเลย ดังนั้น เค้าทั้งหลายก็จะไม่มีเวลาที่จะมาอธิบายว่าทีละรายๆ ว่าต้นฉบับนั้นๆ ทำไมถึงผ่านและส่งต่อให้หัวหน้าอ่าน หรือทำไมถึงโดนกดเข้า Trash ซะในพริบตา ><'

หลินเองก็เป็นอีกคนที่ส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์พิจารณาเหมือนกันค่ะ ผ่านกระบวนนี้มาก่อน เลยขอรวบรวมวิธีการของตัวเองมาแชร์ให้กับแฟนเพจ แฟน blog แนะนำให้ปรับใช้ตามความเหมาะสม สูตรใครก็สูตรใคร เหมือนทำต้มยำ น้ำใส น้ำข้น เผ็ดแก่ เผ็ดกลาง อยู่ที่เราจะจัดนะคะ^^

ติดตามกันเลยยย!!



1. ดูเราว่าเขียนหนังสือแนวไหน? มีตลาด (คนอ่าน) ไหม? บางอย่างเนื้อหาอนาคตเกิ๊น ช่วงนี้ยังไม่ฮิตต้องรอเวลา ถ้ามีตลาด ตลาดนั้นใหญ่เล็กแค่ไหน? ถ้าเล็กขอให้จัด eBook ถ้าใหญ่พอให้จัดหนังสือเล่ม ดูว่าตลาดใหญ่เล็กดูยังไงน่ะเหรอ? ก็ถ้าร้านหนังสือที่มีสาขาตามห้างเค้ามีหนังสือแบบที่เราจะเขียนขาย แปลว่าตลาดใหญ่พอค่าาา (ง่ายไหม)

2. ดูว่าสำนักพิมพ์ไหน พิมพ์หนังสือแนวนี้บ้าง? shortlist ออกมา ข้อมูลนี้ก็หาไม่ยาก ไปหาได้จากร้านหนังสือเลย ตรงนี้ก็สำคัญ เพราะสำนักพิมพ์เค้าก็มีแนวถนัดหรือความเป็นเจ้าตลาดของเค้า ส่งผิดแนวก็จะไม่ได้รับพิจารณาเอาได้นะเออ (เหมือนกับยื่นผักบุ้งให้แมว แมวมันก็ไม่กินหรอก ต้องไปยื่นให้เต่าสิ ทำนองนี้ค่ะ)

3. ดูว่าเราจะทำยังไงให้หนังสือเราดีกว่าที่ขายอยู่ในท้องตลาด? เล่มที่เค้าขายดีเนี่ย? เค้าขายดีเพราะอะไร? เนื้อหาแบบไหน? ถ้าอ่านแล้วเรายังทึ่ง อย่างงี้กลับไปฝึกวิทยายุทธมาใหม่ก่อน แต่ถ้าอ่านแล้ว เห้ย! เกิดอาการมันเขี้ยว ว่าเราเขียนได้มากกว่านี้อีกเยอะ อย่างงี้พอจะมีลุ้น

4. เขียนสารบัญ ชื่อหนังสือ (คร่าวๆ) ตัวอย่างหนังสือสัก  30-40% ของเล่ม เพื่อเตรียมเป็นต้นฉบับ (ที่เหลือนึกไว้ในใจว่าจะเขียนอะไร ยังไงดี? ถ้าเป็นนิยายก็ต้องมีพล็อตตั้งแต่เริ่มจนจบ)

5. หาทางส่งต้นฉบับนี้ไปให้สำนักพิมพ์ ที่อยู่ contact หาจากอากู๋และร้านหนังสือ

6. เขียนใบปิดหน้าโฆษณาตัวเอง เราเป็นไผ? ส่งมาเมล์มาทำอันหยัง? ทำไงให้เค้าอยากอ่านเนื้อในของเรา? ทำไงให้เมล์เราโดดเด้ง? ต้นฉบับดิ้นปับๆๆ หน้าบก. (เว่อรรร์ม่ะ!!)

7. ถ้าทำได้ หาทางนัดเข้าไป present ต้นฉบับกับกองบก.เองเลยค่าา ยินดีจะไปคอย ยินดีไปรอ ถ้าไม่ได้ส่งเมล์ ส่งปณ. ทำทุกทาง (ดูด้วยน้าา--บางสำนักพิมพ์บอกเลยว่ารับเฉพาะเมล์ บางแห่งบอกรับเฉพาะปณ.)

8. หาทางส่งมากกว่า 1 สำนักพิมพ์เป็น plan B เพราะชีวิตต้องมีแผนสำรอง (สโลแกนอะไรน้าคุ้นๆ)

9. รออย่างมุ่งมั่นแต่ (พยายาม) เยือกเย็น (งงม่ะ?) คือเราตั้งตาคอยอยู่แล้วค่ะ แต่เราก็ต้องรอเป็นเรื่องธรรมดา ระหว่างนี้ก็อย่าเหี่ยวแห้ง อับเฉาให้พัฒนางานเขียนชิ้นใหม่ เล่มใหม่ต่อไป เพราะ J.K. Rowling ยังส่งต้นฉบับตั้งหลายหนนิ!
ข้างบนนี้เป็นวิธีที่หลินทำค่ะ แต่จริงๆ แล้วก็มีหลายวิธีที่มีคนอื่นเคยแชร์ไว้แล้วนะคะ ลองดูที่นี่ค่ะ
  • จากเว็บ Dek-D คำแนะนำสำหรับมือใหม่หัดเขียน + รวบรวมรายชื่อสำนักพิมพ์ที่รับต้นฉบับ รายละเอียดเงื่อนไขในการรับ ระยะเวลาในการพิจารณาหนังสือ (ส่วนใหญ่เป็นนิยาย)  http://www.dek-d.com/writer/34500/ (จอร์ช!! มันยอดค่าา)
  • จากเว็บ Dek-D  เหมือนเดิม แต่รวมสำนักพิมพ์เฉพาะนิยาย แยกรายสำนักพิมพ์พร้อมเงื่อนไขในการรับต้นฉบับ http://writer.dek-d.com/monvalee/story/view.php?id=866344
  • จากเว็บนานมี วิธีส่งต้นฉบับแบบละเอียดยิบๆ  http://www.nanmeebooks.com/reader/news_inside.php?newsid=741
ขอให้โชคดีกันทุกคนนะคะ อย่าลืมว่ากรุงโรมบ่ได้สร้างในวันเดียว ส่งต้นฉบับครั้งเดียวไม่ผ่านแล้วเลิก จะเสียเวลาที่เขียนมาทั้งหมดนะ ที่ถูกคือลองส่งใหม่ ถ้ายังไม่ผ่าน ลองถามหาจุดที่เราต้องปรับปรุง บก.บางคนบอก (บางคนไม่) ให้เอามาแก้ไขแล้วสู้กันใหม่ค่ะ!!

เอาใจช่วยนะคะ^^
หลิน



1 comment:

  1. ขอบคุณพี่หลินมากมาย สำหรับข้อมูลดีๆ อย่างนี้ค่า ก้อยขอให้หนังสือพี่หลินติด best seller ทุกเล่ม จากนี้และตลอดไปจ้า

    ReplyDelete